ESTAR ผงาด หลังยอดขายและรายได้ปี 60 พุ่งทะลุเป้า เปิดแบรนด์ เวลาน่า บุกตลาด Gen X & Y โกยยอดขายโตต่อเนื่อง
29 มีนาคม 2561 - บมจ.อีสเทอร์น สตาร์ (ESTAR) ทะยานข้ามปี 60 ด้วยยอดขายทะลุพันล้าน เติบโตทั้งใน ตลาดกรุงเทพและระยอง พ่วงรายได้รวมพุ่งแตะ 2.5 พันล้าน ก่อนตั้งเป้ายอดขายปีนี้โตอีกกว่า 50% พร้อมเผย แผนปั้นแบรนด์น้องใหม่ เวลาน่า(VELANA) บุกตลาด Gen X & Y โกยยอดขายโตต่อเนื่อง
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2561 ว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ธุรกิจและแบรนด์ของเราจะส่องแสงสว่างยิ่งขึ้นในวงการอสังหาฯ พร้อมจะเดินหน้ารักษาความสำเร็จต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มสินค้าใหม่ เช่น โลวไรซ์ คอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัยแนวราบ ในเขตกรุงเทพควบคู่กับเตรียมความพร้อมสำหรับตลาด EEC มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2-3โครงการเข้ามาเสริมทัพ มูลค่ารวมกว่า 3-4 พันล้านบาท และได้กำหนดเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 1.6 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึงกว่า 50% ทั้งยังได้เตรียมทุ่มงบปีนี้ กว่า 2 พันล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินทั้งในกรุงเทพและระยองสำหรับพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัวแบรนด์ เวลาน่า (VELANA) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่จะจับกลุ่มลูกค้า Gen X & Y ที่เป็นคนทำงานในระดับผู้บริหารรุ่นใหม่มีอายุตั้งแต่ 35-45 ปี โดยได้ประเดิมเปิดตัวโครงการแรกภายใต้ชื่อโครงการ “ Velana Golf House” โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่ภายในสนามกอลฟ์อีสเทอร์น สตาร์ แอนด์ รีสอร์ท อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ติดสนามบินอู่ตะเภา ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท ออกแบบในสไตล์ ModernContemporary ที่มีความสวยงามทันสมัย มีความเป็นส่วนตัว ปราศจากมลภาวะทางสายตาด้วยระบบสายไฟฟ้าใต้ดินทั้งโครงการ พร้อมสโมสรและสระว่ายน้ำเต็มรูปแบบท่ามกลางสิ่งแวดล้อมและสังคมคุณภาพเฉพาะตัว ที่หาไม่ได้จากโครงการอื่นในเขตพื้นที่ อ.บ้านฉาง จำนวนจำกัดเพียง 98 หลัง บนพื้นที่ 24 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้าน 164,191 และ 242 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 3.9 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าเป้าหมายของโครงการจะเป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารบริษัท แพทย์ นักบิน วิศวกร หรือผู้จัดการโครงการต่างๆ ที่ทำงานในจังหวัดระยอง รวมถึงชาวต่างชาติที่พักอาศัยบริเวณนี้
“สำหรับแบรนด์ เวลาน่า นั้น มีเป้าหมายตอบโจทย์ลูกค้าในระดับกลาง-บน โดยมุ่งนำเสนอวัฒนธรรม การอยู่อาศัยในโครงการที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางที่มากกว่า โดยคำนึงถึง Attitude Trend ที่ผู้คนต่างแสวงหารูปแบบการใช้ชีวิตที่พอดี ไม่ว่าจะเป็นความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันกับความ สัมพันธ์ของคนในครอบครัว รวมไปถึงการเลือกทำเลที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตการทำงานและชีวิตด้านอื่นๆ ของตนเอง โดยนำเสนอ Social Innovation ที่ตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว อาทิ การใช้พื้นที่ส่วนกลางให้เป็นส่วนเรียนรู้ให้กับเด็กๆ อย่างสร้างสรรค์ การแชร์ส่วนพื้นที่ใช้สอยร่วมกัน ในรูปแบบ Co-Working Space หรือ
Co-Locker เป็นต้น เพื่อให้ลูกบ้านของอีสเทอร์น สตาร์ได้สัมผัสกับชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแท้จริง” ดร.ต่อศักดิ์ กล่าว
ดร.ต่อศักด์ กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถขายและทยอยโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่ในมือไปได้เป็นจำนวนมาก จึงรับรู้รายได้รวมเพิ่มขึ้นมากกว่าประมาณการตอนต้นปี โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 1,026 ล้านบาท แบ่งเป็น 875 ล้านบาทจากการขายโครงการที่กรุงเทพ (85.3%) และ 151 ล้านบาทจากโครงการที่ระยอง (14.7%) เติบโตขึ้นจากยอดขายของปี 2559 ถึง 23%เป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้รวมของบริษัทฯ ที่เพิ่ม 37% จาก 1,830 ล้านบาทในปี 2559 ขึ้นมาอยู่ที่ 2,516 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,354 ล้านบาทจากโครงการที่กรุงเทพ (93.6%) และ 162 ล้านบาทจากระยอง (6.4%)
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์อยู่ทั้งสิ้น 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม ณ สิ้นปี 2560 ราว 8.9 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพ 3 โครงการ ได้แก่ Star View ริมน้ำ ย่านพระราม 3, Nara 9 แยกสาทร-นราธิวาส, Amber Condo ติดรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์ และโครงการบ้านเดี่ยวในเขตพื้นที่อำเภอบ้านฉาง จ.ระยอง จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ Vintage Home Village 3 , Hamlet 3, Sinthavee Garden 2 รวมทั้งมีหน่วยธุรกิจซีสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ บริการบ้านเดี่ยวและอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า และบริการโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของสนามกอลฟ์ อีสเทอร์น สตาร์ แอนด์ รีสอร์ท ติดสนามบินอู่ตะเภา เพียงประมาณ 1 กม.จากทางขึ้นมอเตอร์เวย์พัทยา-บ้านฉางอีกด้วย
ดร.ต่อศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ถือว่าเอื้อต่อการรุกขยายธุรกิจของ ESTAR เป็นอย่างยิ่ง ทั้งเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวก็ยังขยายตัวได้ดี การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐก็ยังคงเดินหน้าต่อ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้า
สายต่างๆ รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ ทางด่วนเชื่อมวงแหวน ไปจนถึงโครงการ EEC ที่มีความชัดเจนมากขึ้นในด้านผังเมืองและแผนการพัฒนาด้านการคมนาคม ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ในจังหวัดระยอง ในขณะที่ตลาดผู้บริโภคระดับกลาง-บน ก็ยังตอบรับการเปิดตัวสินค้าที่อยู่อาศัยใหม่ในอัตราที่ดี นักลงทุนรายย่อยจากต่างชาติ โดยเฉพาะจีนยังให้ความมั่นใจในเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ของไทย ไปจนถึงกระแส Aging Society ที่ส่งผลให้สินค้าอสังหาฯ สำหรับผู้สูงอายุได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนต่อเนื่องของบริษัทฯ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวโครงการเวลาน่า (VELANA) เป็นแค่การเริ่มเปิดฉากในปี 2561 ของอีสตาร์เท่านั้น บริษัทฯ ยังคงมีดาวดวงใหม่ที่เตรียมจะฉายแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าของเรามีทางเลือกและได้ค้นพบความสุขในทุกไลฟ์สไตล์ตามรูปแบบของตัวเองมากยิ่งขึ้น” ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก www.estarpcl.com