บ้านเขาหนาว บ้านเราร้อน! 5 ประเทศที่ชาวไทยควรหนีร้อนไปพึ่งหนาว
พิกัดทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งนั่นทำให้อากาศบ้านเราค่อนข้างร้อนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนั้น แสงแดดจะแผดเผาเป็นพิเศษ เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าหน้าร้อนได้เดินทางมาทักทายประเทศไทยอีกคราแล้วหนาออเจ้าทั้งหลาย ทำให้หลายๆ คนอยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศไปหาอากาศหนาวๆ บ้าง ซึ่งวิธีการที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คงหนีไม่พ้น การไปท่องเที่ยวต่างแดนในพิกัดที่มีสภาพอากาศแตกต่างจากประเทศไทยนั่นเอง rabbit daily เลยขออาสาแนะนำ 5 ประเทศที่ชาวไทยควรหนีร้อนไปพึ่งหนาว ให้คุณได้จัดโปรแกรมเที่ยวตะลุยความหนาวเย็นยะเยือก พร้อมฟินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์ก อาหารเลิศรส และแหล่งช้อปปิ้งชิคๆ จะมีพิกัดไหนน่าสนใจบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยดีกว่า !
โปรแกรมเที่ยว : 5 ประเทศที่ชาวไทยควรหนีร้อนไปพึ่งหนาว
1. ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสุดฮิตของคนไทย ที่ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหนก็สามารถไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ยิ่งในช่วงหน้าร้อนของไทยนั้นจะตรงกับช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น ซึ่งจะมีอากาศเย็นสบาย แถมยังมีสีสันแสนสดใสเพราะเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วเมือง แต่หากอยากจะไปสัมผัสอากาศหนาวยะเยือกล่ะก็ ต้องไปตะลุย ‘เกาะฮอกไกโด’ ที่มีพิกัดเด็ดให้ไปตามล่าเช็คอินกันหลายแห่งเลย เช่น ‘จิโกกุดานิ หุบเขานรก’ มีบ่อน้ำแร่ น้ำพุร้อน และบ่อโคลนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอกไกโด แถมยังมีที่พักสไตล์เรียวกังญี่ปุ่นขนานแท้ให้คุณได้ไปนอนพักกันด้วยนะ
สำหรับคนรักความเก๋ไก๋ก็ต้องลองไปเยือน เมืองฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นเมืองท่าทางประวัติศาสตร์ มีโกดังอิฐแดงริมน้ำเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ โดดเด่นด้านอาหารทะเลสดใหม่ มีศูนย์ช้อปปิ้ง รวมไปถึงคาเฟ่ ร้านอาหารและขนมมากมายเลยล่ะ ส่วนหนุ่มๆ ก็จะได้เพลิดเพลินกับลานเบียร์สดท่ามกลางอากาศหนาวๆ ฟินแน่นอน ! นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมไปถึงอาคารบ้านเรือนที่มีกลิ่นอายของความเป็นยุโรป
2. เกาหลีใต้
ขณะที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่หน้าร้อน ที่เกาหลีเขาก็เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งอากาศจะเย็นสบาย ดอกไม้บานสะพรั่ง และเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนิยมมาเที่ยวมากที่สุด หากอยากหนีร้อนไปพึ่งหนาว เกาหลีใต้ก็เป็นตัวเลือกที่ต้องเทใจให้แบบไม่ยั้งเลยล่ะ เพราะแดนโสมแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากสไตล์ที่รองรับทุกความชื่นชอบของคุณเลย ที่พลาดไม่ได้ก็คงเป็น ‘กรุงโซล’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าโอ้ปป้าและศูนย์รวมของแฟชั่นสุดฮิต อีกทั้งยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ให้คุณได้ตะลอนเที่ยวเก็บเกี่ยวสาระความรู้ไปด้วย
พระราชวังเคียงบ๊อคคุง คือพระราชวังเก่าแก่ที่สุดของราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1394 ถือเป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยโบราณของเกาหลี ที่นี่เขาให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองสวมชุดฮันบก ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของเกาหลี เพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยนะ มาเกาหลีทั้งทีก็ต้องอิงกระแสกันหน่อยเนอะ นอกจากนี้คุณยังสามารถไปไหว้พระขอพรที่ วัดโชกเยซา ศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายเซนในกรุงโซลที่มีชื่อเสียงที่สุด หลังจากนั้นจะเปลี่ยนบรรยากาศไปชมทัศนียภาพของกรุงโซลบน Lotte World Tower (Seoul Sky) ก็เก๋ไปอีกแบบ หิวเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะโซลเต็มไปด้วยอาหารพื้นเมืองเลิศรส เช่น คาลบี้ พีบิมบับ พุลโกกี จิมดัก และกิมจิ
ส่วนไฮไลต์ของสายช้อปปิ้งคงหนีไม่พ้น ตลาดเมียงดง แหล่งรวมเครื่องสำอางชื่อดัง อาทิ Etude, Skinfood, The Face Shop และ Missha ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีตรอกซอยให้ช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึกและขนมน่าทานอีกมากมาย รวมไปถึง ศูนย์โสม ที่คัดโสมคุณภาพมีอายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไปมาจำหน่าย แถมราคาถูกกว่าที่ไทยถึง 2 เท่าตัวเลยอ่ะ แต่หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกไปท่องเที่ยวนอกกรุงโซล ขอแนะนำ เกาะนามิ เกาะชื่อดังที่มีรูปร่างคล้ายใบไม้ อยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำฮัน มีทิวทัศน์งดงาม และยังเป็นโลเกชั่นสำหรับถ่ายทำละครทีวีเรื่อง WINTER LOVE SONG ใครสายซีรีส์ต้องจัดโปรแกรมเที่ยวไปตามรอยกันสักหน่อยแล้ว
3. รัสเซีย
รัสเซีย ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่ยาวนาน รวมไปถึงมีศิลปะและวัฒนธรรมที่น่าค้นหา โดยเฉพาะใน กรุงมอสโก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย แต่ละแห่งก็มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เช่น พระราชวังเครมลิน จุดกำเนิดแห่งประวัติศาสตร์รัสเซียที่มีอายุยาวนานกว่า 850 ปี ตั้งอยู่บนเนินสูงถึง 40 เมตร ริมแม่น้ำมอสโก ห่างออกไปมี มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ ซึ่งเป็นวิหารโดมทองที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดกับแม่น้ำมอสโก ภายในวิหารจะมีภาพหล่อโลหะรูปกษัตริย์และนักรบโบราณที่มีความวิจิตรงดงาม โดยใจกลางเมืองหลวงของรัสเซียมี จัตุรัสแดง สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่มีบทบาทในการจัดงานเฉลิมฉลองทางศาสนา การประท้วงทางการเมือง รวมไปถึงจัดงานต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นเวทีของเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของรัสเซียเลยทีเดียว
ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นเพลินๆที่ ถนนอารบัท เป็นถนนคนเดินห้ามรถผ่านและได้ชื่อว่าเป็นถนนศิลปินและแหล่งพบปะของผู้คนในเมือง ศูนย์รวมของย่านการค้า อีกทั้งคุณจะได้เห็นเหล่าศิลปินมานั่งวาดรูปบนถนนสายนี้เต็มไปหมด อีกหนึ่งตลาดสำหรับช้อปปิ้งก็คือ ตลาดอิสมายลอฟกี้ เป็นตลาดขายสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เช่น ตุ๊กตามาทรอชก้า(แม่ลูกดก) ผ้าพันคอ กล่องดนตรีรูปแบบต่างๆ กล่องไม้ พวงกุญแจ ไม้แกะสลัก ฯลฯ เหมาะสำหรับไปช้อปปิ้งของฝากจริงๆ หลังจากนั้นลองเปลี่ยนมาเป็นสายชิลบ้างกับการล่องเรือแม่น้ำมอสโก ชมบรรยากาศของบ้านเมืองท่ามกลางอากาศหนาวๆ
อีกเมืองหนึ่งของรัสเซียที่โด่งดังไม่แพ้เมืองหลวงก็คือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นหน้าต่างของยุโรป และเป็นจุดศูนย์กลางความเจริญที่เก่าแก่ที่สุด เพราะเต็มไปด้วยร่องรอยทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีกลิ่นอายความเป็นยุโรปสุดคลาสสิก จนได้รับยกย่องให้เมืองแห่งนี้ประดุจเพชรน้ำเอกของทวีปยุโรปทางตอนเหนือเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีโรงแรม ร้านอาหาร และพิกัดช้อปปิ้งเจ๋งๆ อีกเพียบ สำหรับหน้าร้อนนี้ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสเมืองที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลล่ะก็ ต้องมาเยือนรัสเซียแล้วล่ะ
4. ออสเตรเลีย
ไม่ต้องไปเที่ยวไกลถึงยุโรป ก็สามารถสัมผัสบรรยากาศสไตล์ตะวันตกได้ที่ เมืองเมลเบิร์น ของประเทศออสเตรเลีย เมืองที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา แถมยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางธรรมชาติ เพราะสำหรับคนรักการท่องเที่ยวแบบผจญภัยและอยากจะหลีกหนีความวุ่นวายไปพึ่งอากาศเย็นๆ ให้ธรรมชาติโอบกอด ยิ่งสำหรับคนที่รักสัตว์แล้วเนี่ย ขอบอกเลยว่าใจละลายแน่นอน เพราะเมลเบิร์นคือสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสความน่ารักของฝูงนกเพนกวิน และหมีโคอาล่าสุดน่ารัก โดยภายใน สวนสัตว์พื้นเมือง Maru Koala and Animal Park มีสัตว์น่ารักน่ากอดให้คุณได้ชมและถ่ายรูปเก็บความประทับใจไว้ เช่น โคอาล่า จิงโจ้ และวอมแบท ฯลฯ หลังจากนั้นไปปิดท้ายความน่ารักกันที่ Phillip Island Nature Park เพื่อชมฝูงเพนกวินขนาดเล็กที่สุดในโลกที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่บนชายหาด Summerland Beach พร้อมทั้งชมพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนรักธรรมชาติอีกหลายพิกัดเลย เช่น เส้นทางสาย Great Ocean Road ที่จะให้คุณได้ชมความสวยงามของชายฝั่งมหาสมุทรที่ถูกกัดเซาะโดยกระแสลมจนกลายเป็นประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยงาม รวมไปถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติของหิน Twelve Apostles ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Jaws และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายภาพที่ระลึกมากที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย อีกทั้งยังมี Apollo Bay เมืองที่คุณจะได้เห็นโคอาล่าอาศัยอยู่บนต้นยูคาลิปตัสตามธรรมชาติ
หากขยับเข้ามาในเมืองเมลเบิร์นกันสักหน่อย ก็ต้องไปเยือน ย่านดันดีนองส์ ที่เต็มไปด้วยป่ายูคาลิปตัสและมี สถานีรถไฟจักรไอน้ำโบราณ ให้นั่งได้สัมผัสความวินเทจท่ามกลางป่าไม้เขียวขจี พร้อมมุ่งหน้าชม สวนฟิตซรอย สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ และไฮไลต์คือมี กระท่อมกัปตันคุ้ก นักสำรวจชาวอังกฤษผู้ค้นพบทวีปออสเตรเลียและซีกขั้วโลกใต้ ก่อนจะปิดท้ายกันด้วยการไปช้อปปิ้งที่ ตลาดควีนวิคตอเรีย แหล่งการค้าเก่าแก่ของเมืองที่ประกอบไปด้วยร้านค้าแผงลอยหลายร้อยแผง ให้คุณได้ช้อปปิ้งของที่ระลึกและของฝากกันแบบจุใจ
5. สหรัฐอเมริกา
จะหนีร้อนไปพึ่งหนาวสักทีก็จัดเต็มกันไปเลยกับการไปท่องเที่ยวดินแดนแห่งเสรีภาพที่คนหนุ่มสาวทั่วโลกใฝ่ฝันว่าอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต นั่นคือ ประเทศสหรัฐอเมริกา โซนที่ไม่ควรพลาดคือ อเมริกาตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐใหญ่อย่าง รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเนวาดา และรัฐแอริโซนาโดยเมืองที่ควรหาโอกาสไปสัมผัสความตื่นตาตื่นใจก็คือ ซานฟรานซิสโก เฟรสโน ลาสเวกัส และลอสแองเจลิส เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์กสำคัญที่สะท้อนถึงตัวตนและความศิวิไลซ์ของดินแดนพญาอินทรีย์ที่ชาวโลกหลงใหล เปิดโอกาสให้คุณได้ท่องโลกและพักผ่อนในโรงแรมย่านใจกลางมหานครระดับโลก
สัมผัสบรรยากาศของอ่าวซานฟรานซิสโกที่ ท่าเรือเพียร์ 39 เพื่อล่องเรือชม เกาะอัลคาทรัส ที่เคยเป็นที่คุมขังนักโทษเมื่อครั้งอดีต และหากอยากได้ภาพของ สะพานแขวนโกลเด้นเกทจากมุมไกล ก็จะต้องขึ้นไปชมบน ยอดเขาทวินพีค รับรองว่าจะได้เห็นทัศนียภาพงดงามแบบ 360 องศาเลยล่ะ และอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของสหรัฐฯ ที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คืออุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน สุดยอดความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ซึ่งถูกค้นพบเมื่อ ค.ศ. 1776 ความน่าพิศวงของพิกัดนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนปีละหลายแสนคนเลยนะ
ทั้งนี้ มาเยือนถิ่นกำเนิดของ Hollywood ทั้งทีก็ต้องไปเยี่ยมชม โรงถ่ายยูนิเวอร์แซล ที่มีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ เป็นโลเกชั่นสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดัง La La Land หนังดีกรีออสการ์ประจำปี 2016 ก็มาถ่ายทำที่นี่ด้วยนะ คุณจะได้ชมเบื้องหลังเทคนิคและขั้นตอนของการถ่ายทำภาพยนตร์อย่างละเอียด พร้อมสัมผัสกับฉากใหญ่โตมโหฬารที่ใช้ในการถ่ายทำจริงของภาพยนตร์เรื่องต่างๆ เรียกได้ว่าเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ เลย และละแวกนั้นยังมีอาคารบ้านเรือนที่ใช้ถ่ายทำหนังอีกหลายจุดเลยนะ และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวก็คือ Lombard Street สร้างมาตั้งแต่ปี 1922 เป็นถนนที่คดเคี้ยวที่สุดในโลก แถมยังมีเนินชัน 40 องศา และซิกแซกอีก 8 โค้งหักศอกแบบวันเวย์ขาลง ใกล้ๆ กันจะเป็น ร้านไอศกรีม Swensen’s สาขาแรกของโลก ให้คุณได้ไปลิ้มรสความอร่อยและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตำนานเก่าแก่ เห็นไหมว่านอกจากการช้อปปิ้งแล้ว การไปเที่ยวสหรัฐฯ ก็มีพิกัดอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย
5 ประเทศที่คัดสรรมานำเสนอกันเนี่ย ขอบอกเลยว่ารองรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนชอบท่องเที่ยวแน่นอน แต่หากใครที่ไม่อยากมานั่งจัดโปรแกรมเที่ยวให้ยุ่งยาก ก็ลองหาตัวช่วยมืออาชีพที่จะทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวให้คุณ จะได้คลายความกังวลในเรื่องต่างๆ เพื่อให้คุณได้ท่องเที่ยวอย่างสะดวกสบาย ตอนนี้มีบริษัทนำเที่ยวที่กำลังมาแรงอย่าง ‘We Perfect Travel’ ซึ่งบริการจัดนำเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบครบวงจร โดยเฉพาะทริปเอเชียนี่ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ ความน่าสนใจของ We Perfect Travel คือ มักจะเปิดหาเส้นทางตะลอนเที่ยวแห่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ทั้งทัวร์ยุโรป อเมริกา และแถบเอเชีย ซึ่งจะพาคุณไปสัมผัสความงดงามของแต่ละพิกัดแบบรู้ลึกรู้จริงให้คุณได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาเรื่องทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน และ VISA อีกด้วย
ส่วนทีมงานก็มีความเชี่ยวชาญในการให้ความรู้คู่ความบันเทิงตลอดเส้นทาง สำหรับใครที่อยากได้ความสะดวกและประหยัดเวลาในการเตรียมตัวล่ะก็ ลองให้ We Perfect Travel จัดโปรแกรมเที่ยวให้ได้นะ จะได้พาคุณหนีร้อนไปพึ่งหนาวกันในเร็วๆ นี้
ขอบคุณข้อมูลจาก daily.rabbit.co.th
