LPN-JLL ชูกลยุทธ์ขยายธุรกิจ ปักหมุดวิภาวดี-จตุจักร ชิงตลาดอาคารสำนักงาน
LPN-JLL เผยกลยุทธ์ขยายธุรกิจ มั่นใจดึง JLL นำทัพชิงตลาดอาคารสำนักงาน ส่งให้เป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานในโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร (อาคาร A) รองรับความต้องการตลาดอาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้น ต่อยอดธุรกิจอาคารชุดพักอาศัยที่ LPN ครองตลาดมากว่า 29 ปี พุ่งเป้าการเติบโตไปด้วยกัน เจาะกลุ่มลูกค้านักลงทุนปล่อยเช่า ให้ผลตอบแทนระยะยาว และลูกค้าที่ต้องการเช่าพื้นที่ทำออฟฟิศ
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวในระหว่างพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจแต่งตั้งให้ JLL เป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าสำหรับอาคาร A ของโครงการ ว่า โครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร เป็นการต่อยอดการลงทุนด้วยกลยุทธ์ขยายธุรกิจ ซึ่งความตั้งใจกลับมาพัฒนาอาคารสำนักงานอีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2532 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีกับการพัฒนาโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ (ถนนพระราม 4) และแอล.พี.เอ็น.ทาวเวอร์ เนื่องจากศักยภาพทำเลตอบโจทย์คนทำงานในเมือง ทั้งยังใกล้แหล่งสาธารณูปโภค และสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยการพัฒนาโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร ในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการอาคารสำนักงานที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันบนถนนวิภาวดีรังสิตที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพสูง
“โครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร เป็นการนำประสบการณ์ และจุดแข็งที่ LPN ได้สั่งสมมาจากการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยมากว่า 29 ปี มาสร้างคุณค่าด้านผลิตภัณฑ์ เช่น การออกแบบโครงการให้เข้ากับมาตรฐานอาคารเขียวสากล การวางแผนจัดการพลังงานและใช้พลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมให้ผู้ที่ทำงานในอาคารมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการจัดสรรให้มีพื้นที่จอดรถจักรยาน สร้างสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในโครงการ ควบคู่ไปกับการยกระดับการให้บริการด้านการบริหารอาคารโดยบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการพัฒนาโครงการจะดีพร้อมเพียงใด หากไม่ได้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในระดับมืออาชีพ ก็อาจส่งผลให้การจัดหาผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในโครงการไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ได้ ดังนั้นความร่วมมือของ LPN และ JLL ในครั้งนี้ จึงเป็นสร้างคุณค่าร่วมระหว่างกัน ด้วยการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กรมาประสานเพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทาง ซึ่งโครงการมีทั้งหมด 2 อาคารสำนักงาน แบ่งเป็นอาคาร A และ อาคาร B โดยบริษัทได้เลือก JLL เป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร (อาคาร A) เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นในธุรกิจบริการด้านอาคารสำนักงาน โดยเฉพาะการเป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าพื้นที่สำนักงานให้กับบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติ ตลอดจนเป็นตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
นอกจากนั้นบริษัทยังมั่นใจในศักยภาพทำเลที่โดดเด่นที่สุดย่านวิภาวดีนี้ ทั้งใกล้แหล่งงาน อย่างอาคารสำนักงานของบริษัทต่างๆ มากมายตลอดจนแหล่งสาธารณูปโภค ศูนย์การค้าชั้นนำ แหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน สถานพยาบาล สถานศึกษา สวนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ และยังใกล้กับจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทางรางขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมโยงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่บริเวณถนนพหลโยธิน ช่วงหมอชิตเดิม บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และถนนวิภาวดีรังสิต แม้จะไม่มีรถไฟฟ้าพาดผ่านพื้นที่โดยตรง หากแต่มีสถานีรถไฟฟ้าถึง 2 สายที่ให้บริการอย่างสะดวก ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (สถานีพหลโยธิน และสถานีจตุจักร) และรถไฟฟ้า BTS (สถานีหมอชิต) ทำให้การเดินทางเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ ทั้งเข้า-ออกเมือง มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น ตลอดจนเชื่อมต่อถนนเส้นสำคัญในระดับภูมิภาคได้อย่างตอบโจทย์ทุกการเดินทาง”
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (JLL) กล่าวว่า “การพัฒนาโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีถึงกลยุทธ์อันชาญฉลาดของ LPN ในการเพิ่มช่องทางการขยายธุรกิจ โดยโครงการนี้เปิดโอกาสให้ LPN ได้ขยายธุรกิจเข้ามาในตลาดอาคารสำนักงาน ซึ่งเป็นนับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในขณะนี้”
นางสาวยุพา กล่าวเสริมว่า “ขณะนี้ตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในภาวะที่มีปริมาณพื้นที่ไม่เพียงพอรองรับความต้องการของผู้เช่า โดยเฉพาะอาคารสำนักงานคุณภาพดีที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีผู้เช่าใช้พื้นที่เต็มหรือเกือบเต็ม ส่วนอาคารใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ มีบริษัทผู้เช่าเข้าจับจองพื้นที่เช่าล่วงหน้าแล้วเฉลี่ยมากกว่า 30% และมีแนวโน้มที่จะมีผู้เช่าพื้นที่เต็ม 100% ในเวลาอันรวดเร็วหลังก่อสร้างเสร็จ”
“การเปิดตัวโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร ในช่วงนี้ จึงนับเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเลือกที่ตั้งโครงการอยู่ในทำเลที่สะดวกบนถนนวิภาวดี ยังนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ดี เพราะมีบริษัทจำนวนมากที่ต้องการมีสำนักงานในย่านวิภาวดี ไม่ว่าจะเพื่ออยู่ใกล้กับกลุ่มลูกค้า ซัพพลายเออร์ หรือพนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่อาจอยู่ในย่านดังกล่าว หรือห่างออกไปในโซนด้านเหนือของกรุงเทพฯ ในขณะที่ยังคงสามารถเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ ได้สะดวก ดังนั้นเชื่อว่าโครงการจะประสบความสำเร็จในด้านการปล่อยเช่าภายในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ” นางสาวยุพากล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก www.lpn.co.th