ผ่าน 8 ด่านหินนี้ แล้วค่อยเรียกตัวเองว่า “สตาร์ทอัพ”
ผ่าน 8 ด่านหินนี้ แล้วค่อยเรียกตัวเองว่า “สตาร์ทอัพ”
ใครไม่เคยเป็นสตาร์ทอัพ คงไม่รู้ว่าเบื้องหลังสเตตัสสุดฮิตที่ใครๆ ก็อยากได้มาประดับบารมีนี้ ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและคราบน้ำตาขนาดไหน เพราะหากใจไม่สู้พอก็อาจกลายเป็นผู้แพ้ที่โลกลืมตลอดไป ถ้าไม่อยากกลายเป็นคนอ่อนแอที่ต้องดูแลตัวเอง ก่อนจะเรียกตัวเองว่าสตาร์ทอัพเช็คตัวเองดูซิว่า ถ้าต้องฝ่าด่านอรหันต์ทั้ง 8 นี้ ยังอยากไปต่อหรือพอดีกว่า…
1.ฝ่าด่านรัก ถ้าคุณเป็นสตาร์ทอัพที่ไม่ใช่เฟรชชี่จบใหม่ และเคยสนุกกับงานที่รัก นี่คือโจทย์หินด่านแรกที่ต้องฝ่าไปให้ได้ เพราะเมื่อตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า จะสร้างอาณาจักรของตัวเอง โลกทั้งใบและใจทั้งดวงของคุณจะไม่มีเหลือที่ว่างพอให้กับอาชีพหรืองานอื่นอีกต่อไป คุณต้องอุทิศทุกนาทีเพื่อไปสู่จุดหมายสวยหรูที่คุณวาดไว้ แรกๆ อาจเฮิร์ทบ้าง แต่ขอให้เชื่อในสัญชาตญาณ แล้วก้าวไปข้างหน้า
2.หาโอเอซิสถ้าคุณไม่ใช่ทายาทตระกูลดัง หรือมาจากครอบครัวที่มีมรดกตกทอดให้มาทำตามฝัน การมองหาแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจคือ โจทย์หินที่ต้องฝ่า ลองนึกภาพตัวเองรอนแรมอยู่ท่ามกลางทะเลทราย แม้จะมีโอเอซิสที่พร้อมเป็นแหล่งอาหารและน้ำอยู่รอบตัว แต่ก็ใช่ว่าคุณจะนำคาราวานเดินทางถึง ไหนจะต้องคอยระวังอย่าให้โอเอซิสที่เป็นเพียงภาพลวงตาหลอกให้หลงทางและเสียเวลา
3.สร้างทีม ด่านนี้อาจเป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับใครที่มีประสบการณ์ในการบริหารทีมมาก่อน แต่สำหรับคนที่เป็นวันแมนโชว์มาตลอด คงเป็นเรื่องยากไม่ต่างจากเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะสำหรับสตาร์ทอัพฟันน้ำนม ช่วงก่อร่างสร้างธุรกิจเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องการคนดีมีฝีมือมาร่วมสานฝัน แต่ก็คงไม่มีอำนาจเงินไปดึงดูดใจคนที่มีความสามารถมากนัก เพราะฉะนั้นถ้าเตรียมตัวมาไม่พร้อม ดรีมทีมก็คงเป็นแค่ทีมในฝันไปตลอดกาล
4.วิสัยทัศน์ต้องปัง ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของบริษัท พลทหารและขุนศึกย่อมคาดหวังจะเห็นความคิดที่แหลมคมจากผู้นำ พร้อมที่จะรับมือกับคู่แข่งที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ถ้าไม่เจ๋งจริงก็ผ่านด่านนี้ยาก เพราะนี่คือบททดสอบแห่งการวัดใจว่าลูกน้องยังควรลงเรือลำเดียวกับคุณต่อไปหรือควรหาทางกลับฝั่งเพื่อหาเรือลำใหม่ที่พร้อมต้านกับคลื่นลมและพายุ
5.รับมือกับสิ่งที่มองไม่เห็น ชีวิตสตาร์ทอัพต้องพร้อมรับมือกับความท้าทายที่จะแวะเวียนมาเสมอ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า จากวันนี้ธุรกิจของคุณจะต้องเผชิญกับอะไร เพราะต่อให้วางแผนไว้ดีแค่ไหน แต่สุดท้ายโลกธุรกิจไม่เคยหยุดอยู่กับที่ สิ่งที่ทำได้ คือ เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่งเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายที่จะแวะเวียนเข้ามา
6.เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเดียวดาย ฟังดูอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กลับมีสตาร์ทอัพจำนวนไม่น้อยพ่ายแพ้ในสมรภูมินี้ เพราะการเป็นสตาร์ทอัพหรือเจ้าของกิจการก็ไม่ต่างกัน เวทีมีนี้มีเพียงคุณเป็นพระเอก คุณต้องทำงานหนักวันละหลายชั่วโมง เวลาที่เคยมีให้เพื่อนฝูงและครอบครัวก็น้อยลงเป็นธรรมดา
7.เป็นผู้คุมเกมส์ ได้เป็นนายคน ไม่ต้องมองสีหน้าคนอื่นย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ถ้าจะคุมเกมให้อยู่ คุณต้องเรียนรู้ที่จะสร้างกฎเกณฑ์เพื่อตีกรอบให้ทีม โดยที่กฎเกณฑ์หรือกรอบที่สร้างขึ้นนี้ต้องระวังไม่ให้ลูกทีมอยู่แล้วเกิดอาการคับอกคับใจจนอยู่ยาก หรือ หย่อนยานจนคุมไม่อยู่
8.เป็นนักตัดสินใจ นี่คือด่านที่ยากที่สุด เป็นบททดสอบมหาโหดที่กระตุ้นความเครียดได้อย่างเหนือชั้น ทำใจไว้เลยว่า เมื่อคิดจะสวมบทสตาร์ทอัพ คุณไม่ใช่ต้องตัดสินใจแค่วันละหนึ่งหรือสองเรื่อง แต่คุณต้องพร้อมตัดสินใจทุกเรื่องไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ที่สำคัญทุกเรื่องล้วนมีอนาคตทางธุรกิจ เงินทุน และอีกหลายชีวิตในบริษัทเป็นเดิมพัน