ลงทุนกับคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว(แบริ่ง-สมุทรปราการ) คุ้มค่าหรือไม่?
ลงทุนกับคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว(แบริ่ง-สมุทรปราการ) คุ้มค่าหรือไม่?
หากคุณเป็นนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะมือเก๋าหรือมือใหม่ เมื่อกางแผนที่กรุงเทพฯ ดูแล้วจะพบว่า พื้นที่สำหรับพัฒนาที่ดินสู่การเป็นที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองเหลือน้อยลงเต็มที ที่มีอยู่ในมือก็ล้วนราคาสูงลิ่ว อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ที่รถไฟฟ้าตัดผ่านจะพบว่า พื้นที่ย่านนั้น หรือพื้นที่ใกล้เคียงย่านนั้นจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ “ที่อยู่อาศัย” จะพบว่าโซนจุดเชื่อมต่อพื้นที่เมืองใหญ่ใกล้เคียงกรุงเทพฯ เช่น สมุทรปราการ ชลบุรี เป็นพื้นที่ที่กำลังเนื้อหอม ซึ่งเดิมทีย่านนี้จะเน้นพัฒนาพื้นที่เป็นโครงการหมู่บ้านจัดสรรตั้งแต่ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ไปจนถึงทาวน์โฮมระดับกลาง แต่ปัจจุบันพื้นที่ที่นักพัฒนาที่ดินส่วนใหญ่จับจองและต้องการพัฒนาคือ เป็นคอนโดมิเนียม เพื่อตอบโจทย์ครอบครัวรุ่นใหม่ หรือคนทำงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยหลังแรกในราคาที่เอื้อมถึง หรือแม้แต่นักลงทุนที่มองหาโอกาสใหม่ๆ ในทำเลที่มีโอกาสเติบโต
ดังนั้น หากจะเลือกที่พักอาศัย หรือลงทุนในคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ในพื้นที่จุดเชื่อมต่อเมืองอย่างสมุทรปราการ
จะตัดสินใจเลือกอย่างไร “ออริจิ้น” มีคำแนะนำ
+ ความสมบูรณ์ของพื้นที่
เพื่อให้เห็นภาพของการเติบโตของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง – สมุทรปราการ) ได้ชัดเจนขึ้น คุณต้องลองนึกภาพของอ่อนนุช ก่อนที่รถไฟฟ้าสายแรก (หมอชิต-อ่อนนุช) จะไปถึง หรือช่วงเริ่มต้นของการเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท(อ่อนนุช-แบริ่ง) ในปี 2554 ซึ่งในย่านนั้นโดยส่วนใหญ่ยังเป็นชุมชนดั้งเดิม ราคาที่ดินยังไม่ขยับขึ้นสูงมากนัก จนกระทั่งตัวเมืองชั้นในขยับขยายตามแนวเส้นรถไฟฟ้ามามากขึ้น แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงด้านที่อยู่อาศัยก็กลายเป็นคอนโดมิเนียมที่ได้รับความนิยม เพื่อรองรับแหล่งออฟฟิต โรงเรียน โรงพยาบาล รวมทั้งห้างสรรพสินค้า และแหล่งชอปปิ้งก็เกิดขึ้นอีกมากมาย เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นในย่านนั้นๆ
ในอนาคตเมื่อโครงการ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เสร็จสมบรูณ์และเปิดใช้บริการเต็มรูปแบบในปี 2561 ความคึกคักของทำเลสมุทรปราการย่านที่รถไฟฟ้าตัดผ่านจะทวีความเข้มข้นของการแข่งขันและการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน หอพัก คอนโด คอมมูนิตี้ มอลล์ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษาที่รองรับความต้องการของนานาชาติในอนาคตในฐานะทำเลแหล่งงานขนาดใหญ่ ไม่ต่างจากอ่อนนุช และอุดมสุข เมื่อ 10 ปีก่อนเลยทีเดียว
สถานีส่วนต่อขยายเส้นทางแบริ่ง-สมุทรปราการ มีทั้งหมด 9 สถานี เริ่มจาก สถานีสำโรง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้านที่อยู่อาศัย โดยมีคอนโดมิเนียมจากนักพัฒนาที่ดินหลายเจ้าเข้าไปจับจองพื้นที่แล้ว ซึ่ง “ออริจิ้น” ส่ง คอนโดโมเดิร์นรีสอร์ท The Cabana เดอะคาบาน่า สำโรง และถัดมาเรื่อยๆ คือ สถานีปู่เจ้าสมิงพราย สถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สถานีโรงเรียนนายเรือ สถานีสมุทรปราการ สถานีศรีนครินทร์ สถานีแพรกษา อีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์สำคัญของ “ออริจิ้น” สถานีสายลวด และสถานีเคหะสมุทรปราการ ตามลำดับ
ซึ่งเมื่อพิจารณาจากความพร้อมของทำเลที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายตัดผ่าน มีความคล้ายคลึงกับพื้นที่อ่อนนุช และอุดมสุขในอดีต คือพร้อมทั้งการเดินทาง มีความเป็นชุมชนดั้งเดิม ความสมบูรณ์ของอาหาร และสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันต้องถือว่าพื้นที่สมุทรปราการเป็นทำเลที่มีความสมบรูณ์พร้อมในฐานะของการเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ นั่นก็คือนิคมอุตสาหกรรม บางปู อ.เมือง สมุทรปราการ ซึ่งมีการขยายตัวบนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ มีผู้ประกอบการเกือบ 2,500 แห่ง และมีคนทำงานกว่า 1.5 แสนคน และข้อมูลจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในปี 2557 ระบุว่าเป็นจังหวัดที่มี GPP สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ (ไม่นับรวมกรุงเทพฯ)
ดังนั้น การเลือกลงทุนกับคอนโดที่ตั้งในย่านพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญขนาดใหญ่รองจากกรุงเทพฯ มีศักยภาพสูงพร้อมรองรับทุกการเจริญเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่องอย่างสมุทรปราการ จึงควรเป็นตัวเลือกลำดับแรกในการพิจารณาสำหรับนักลงทุนในคอนโด
ด้วยความที่เป็นทำเลนอกย่านเศรษฐกิจทำให้การพักอาศัยไม่แออัด ด้วยเหตุนี้เอง “บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)” หรือ ออริจิ้น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มองการณ์ไกลจึงปักธงคอนโดเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีกหนึ่งแห่ง โดยเลือกทำเล “สถานีรถไฟฟ้าแพรกษา” ในชื่อโครงการ Notting Hill Sukhumvit Praksa ที่ออริจิ้นชี้ให้เห็นว่าทำเลที่ลงตัว จะเชื่อมโยงทุกการใช้ชีวิตได้เหนือกว่าในราคาที่จับต้องได้
นอกจากทำเลคุ้มค่าที่สุดบนถนนแพรกษา Notting Hill คอนโดมิเนียม ยังให้ผู้อยู่อาศัยเดินทาง สะดวกสบาย รวดเร็วด้วย รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีแพรกษา (E21) เพียง 650 เมตร จากตัวโครงการ เดินทางสู่ใจกลางกรุงเทพฯ สถานีอโศกได้ใช้เวลาเพียง 30 นาที และถึงสถานีสยามได้ในเวลา 40 นาที
นอกจากนี้ยัง รายล้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ เช่น เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โรงเรียนนานาชาติ แหล่งชอปปิงและไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็น คอมมิวนิตี้ มอลล์ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บิ๊กซี โรงพยาบาลเปาโล
+ จุดเชื่อมต่อการคมนาคม
เนื่องจากจังหวัดสมุทรปราการอยู่เขตปริมณฑล และเป็นทำเลนิคมอุตสาหกรรม ข้อดีของย่านนี้คือการจราจรไม่แออัด ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมทางบกที่คนย่านนี้มักจะไม่ปวดหัวกับปัญหารถไม่ติดมากนัก การคมนาคมทางน้ำที่มีเรือสัญจรไปมาในแม่น้ำเจ้าพระยา
กูรูหลายคนคาดการณ์กันไว้ว่าจะโครงการพัฒนาคอนโดต่างๆ จะเริ่มมาปักหลักลงทุนกันมากขึ้นเมื่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จ การลงทุนในคอนโดเมื่อเปรียบเทียบกับทาวน์เฮาส์ในทำเลเดียวกัน ข้อเปรียบเทียบคือราคาที่ถูกกว่า การเดินทางที่สะดวกกว่าด้วยขนส่งมวลชนเข้าสู่ใจกลางเมือง และสามารถออกนอกเมืองได้รวดเร็วหากต้องการเดินทางไปพักผ่อนในจังหวัดเศรษฐกิจใกล้เคียง กล่าวคือสามารถทำเป็นห้องเช่าสำหรับคนทำงานชาวต่างชาติ หรือคนที่มีครอบครัวใหญ่ในจังหวัด ชลบุรี ระยอง หรือฉะเชิงเทราได้ในอนาคตการเดินทางโดยรถยนต์จะสะดวกมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่จะใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษกเท่านั้น ต่อไปจะมีโครงการขยายถนนแพรกษา จาก 2 เลนเป็น 6 เลนซึ่งจะทำให้หมดความกังวลเรื่องการติดขัดของจราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำเลของโครงการ Notting Hill Sukhumvit Praksa อยู่บริเวณต้นถนนแพรกษาใกล้กับ BTS สถานีแพรกษา คอนโดพร้อมอยู่ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแยกที่ตัดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งทำเลนี้ยังค่อนข้างใหม่สำหรับคอนโดทำให้โครงการของออริจิ้นโดดเด่นที่สุดในย่านนี้
และว่าด้วยการโดยสารทางเรือ ซึ่งมีแผนการสร้างท่าเรือเฟอร์รี่เชื่อมโยงการเดินทางอ่าวไทย ระหว่างเมืองตากอากาศชื่อดัง ทั้ง 3 แห่ง คือหัวหิน พัทยา และสมุทรปราการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งยังช่วยลดเวลาการเดินทาง เมื่อมีท่าเรือแล้ว การพักอาศัยในพื้นที่สมุทรปราการจะกลายเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
+ โอกาสของผลตอบแทนในอนาคต
เนื่องจากจุดขายของโครงการต่างๆ ล้วนนำเสนอข้อดีของตัวเอง ออริจิ้น จึงนำเสนอ Notting Hill Sukhumvit Praksa เป็นโครงการคอนโดอาคารสูง (high-rise condominium) แห่งแรกและสูงที่สุดบนถนนแพรกษา ซึ่งเป็นคอนโด high-rise สูง 35 ชั้น 980 ยูนิต บนเนื้อที่ 3 ไร่ พร้อมอาคารจอดรถ 9 ชั้น และอาคารพาณิชย์ สูง 2 ชั้น จาก Origin Property ตอกย้ำความโดดเด่นด้วยการตกแต่งในคอนเซ็ปต์ "London Iconic" ที่ลงตัวด้วยการผสมผสานกันระหว่างความคลาสสิค ทันสมัยและหรูหราด้วยแนวคิด "Modern Classic Luxury" ในแบบฉบับเฉพาะตัวของ ภาพลักษณ์ของแบรนด์จึงค่อนข้างตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างเฉพาะตัว
จุดเด่นของการเป็นอาคารสูงแห่งเดียวบนถนนแพรกษา ของ Notting Hill คอนโดมิเนียมคือสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามได้แบบ 360 องศา ทั้งท้องทะเล แม่น้ำ และท้องฟ้า สอดคล้องกับแนวคิด “ใช้ชีวิตให้ต่าง อย่างเหนือชั้น" ของโครงการได้อย่างดีเยี่ยม พื้นที่ส่วนกลางของคอนโด นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา ก็มี Lobby, สระว่ายน้ำ, Co-working Space, Fitness, และสวนชั้นดาดฟ้า
ขณะที่ประเภทห้องและขนาดห้องของโครงการมีตั้งแต่ห้องขนาดสตูดิโอ และห้อง 1 bedroom Plus ดังนี้
- 1 ห้องนอน B1 ขนาด 23-23.50 ตารางเมตร
- 1 ห้องนอน B Plus 1 ขนาด 35 ตารางเมตร
- 1 ห้องนอน B Plus 2 ขนาด 39.50 ตารางเมตร
- 1 ห้องนอน B Plus 3 ขนาด 40 ตารางเมตร
เหนือไปกว่าความหรูหราทันสมัย “ออริจิ้น” ได้มองเห็นถึงข้อสำคัญว่าการเลือกที่อยู่อาศัยแบบนักลงทุนก็คือ ความคุ้มค่าในอนาคต
นอกจากการลงทุนคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นอีกการลงทุนเพื่อกำไรระยะยาวที่น่าสนใจแล้ว โดยการลงทุนกับกลุ่มเป้าหมายผู้เช่าคอนโดที่เป็นพนักงานในนิคมอุตสาหกรรม จะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อปล่อยค่าเช่าคอนโดในราคาที่เหมาะสมกับพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย การซื้อคอนโดห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณ 23-23.50 ตร.ม. สำหรับคนเดียว หรือขนาด 35-40 ตร.ม. สำหรับอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยวหรือกำลังสร้างครอบครัว นอกจากนี้ราคาคอนโดไม่เกิน 2 ล้านบาท จะช่วยให้ปล่อยเช่าคอนโดได้ง่ายขึ้นในราคาที่ผู้เช่าคิดว่าคุ้มค่า ขณะที่เจ้าของห้องได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตรของเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ราคาเฉลี่ย น้อยกว่า 50,000 บาทต่อตร.ม.กับราคาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าใจกลางเมืองซึ่งมีราคาต่อตารางเมตรพุ่งสูงไปถึง 200,000 - 300,000 บาทต่อตร.ม. แน่นอนว่าในอนาคตราคาพื้นที่ของคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กำลังพัฒนามีแนวโน้มว่าจะสูงได้อีกมาก
คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเม้นท์ในย่านแพรกษา ค่าเช่าห้องในพื้นที่เฉลี่ย 5,000 บาท/ เดือน ขณะที่ราคาเปิดตัวของโครงการ Notting Hill Sukhumvit Praksa เริ่มต้นที่ 1 ล้านต้นๆ สมมุติมูลค่าห้องเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 1.2 ล้านบาท ขณะที่ค่าเช่าห้องของโครงการ Notting Hill เฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 บาท/ เดือน เท่ากับหนึ่งปีสามารถมีค่าเช่าเข้ามาถึง 96,000 บาท คิดเป็นผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์คือได้กลับมากว่า 8 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าคุ้มค่ากับการตัดสินใจลงทุน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งคำตอบของนักลงทุน และการอยู่อาศัยของคนทำงานในย่านนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ต้องการซื้อคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่ออยู่อาศัย ทำเลย่านนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อน ชื่นชอบไลฟ์สไตล์เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เดินทางไปต่างจังหวัดหรือเข้ากรุงเทพฯ ก็สะดวก ซึ่ง “นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา” ตอบโจทย์ทั้งในแง่การลงทุนและการอยู่อาศัย
สอบถาม Call Center 020-300-000 หรือลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษที่ https://bit.ly/2v2J962
ขอบคุณข้อมูลจาก http://nottinghill.origin.co.th