ไม่อยากให้ชีวิตลูกพัง อย่าเลี้ยงลูกแบบ “พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์”
หลายคนอาจเคยได้ยินและคุ้นหูกับนิยามของ “พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์” มาบ้าง เพราะเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐตั้งแต่ 40 ปีก่อน แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักกับพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ อธิบายสั้นๆ ตรงนี้ว่า “พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์” เป็นคำจำกัดความของ พ่อแม่ที่ไม่ยอมปล่อยให้ลูกทำอะไรเอง แถมยังไม่ยอมเปิดโอกาสให้ลูกได้เจออุปสรรคใดๆ เพราะพ่อแม่คิดว่าตัวเองมีหน้าที่เหมือนเทวดานางฟ้าประจำตัวคอยปกป้องลูกจากสิ่งไม่ดีรอบตัว
ทั้งนี้ “พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์” อาจแบ่งได้เป็นสามลักษณะใหญ่ๆ ได้แก่
1.พวกช่วยปกป้องลูกจนเกินพอดี หรือ Overprotective คิดว่าโลกใบนี้ไม่ปลอดภัยพอสำหรับลูก
2.พวกจอมบงการ หรือ Over directive เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าตัวเองรู้ดีที่สุดว่าอะไรคือกุญแจที่จะนำทางลูกไปสู่อนาคตที่สดใสและความสำเร็จ
3.พวกสายบริการ หรือ Concierge เป็นกลุ่มที่ทำทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกได้ใช้ชีวิตอยากสุขสบาย คอยทำหน้าที่คิดแทน คิดเผื่อลูกไปซะทุกอย่าง จนไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้ใช้ความคิดหรือเรียนรู้รสชาติชีวิต
อย่างไรก็ตามแม้การสวมบท “พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์” จะเกิดขึ้นด้วยเจตนาดีของพ่อแม่ที่รักลูกปานดวงใจ แต่ข่าวร้ายคือ มีผลการศึกษาที่ค้นพบถึงผลเสียระยะยาวที่เกิดจากการเลี้ยงลูกแบบนี้มากมาย จากนี้ คือ 7 สัญญาณอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับลูกในอนาคต ถ้ายังเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่ เฮลิคอปเตอร์
1.ตัดสินใจไม่เป็น ในเมื่อคุณไม่เคยให้โอกาสลูกได้มีโอกาสคิดและตัดสินใจเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในชีวิต ทุกเรื่องต้องอาศัยความเห็นของพ่อแม่ จึงไม่แปลกที่เมื่อโตขึ้น เขาจะกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ และ ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะมองว่าเป็นเรื่องยากของชีวิต
2.เป็นได้แต่ผู้ตาม หากตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีสักครั้งที่คุณเปิดโอกาสให้ลูกได้เป็นแม่ทัพ เพราะเอาแต่ยัดเหยียดบทพลทหารให้เดินตาม แล้ววันหนึ่งลูกคุณจะให้เอาความเชื่อมั่นจากไหนลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ
3.ขาดทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ การที่พ่อแม่เป็นทุกอย่างของชีวิต ไม่เคยต้องกังวลว่าวันนี้จะมีอะไรกิน ของใช้อะไรในบ้านจะหมด บ้านจะรกแค่ไหน เพราะมีพ่อแม่คอยดูแล เป็นทุกอย่างให้ เมื่อถึงวันที่เขาต้องใช้ชีวิตบนลำแข้งของตัวเอง แล้วจะให้เขานำทักษะจากไหนมานับมือกับเรื่องสามัญประจำบ้านเหล่านี้
4.หวาดกลัวกับความล้มเหลว จริงอยู่ไม่มีใครชอบความล้มเหลว แต่สำหรับเด็กๆ ที่เติบโตในเบ้าหลอมของพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์มาทั้งชีวิต ความรู้สึกหวาดกลัวนี้จะเข้มข้นเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่เล็กเขาถูกคาดหวังว่าจะต้องทำได้ตามที่พ่อแม่คาดหวัง โดยเฉพาะเรื่องการเรียน ทำให้เมื่อเติบใหญ่ เด็กๆ กลุ่มนี้จะแบกรับความผิดหวังไม่ค่อยไหว เพราะใช้ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของความคาดหวังมาตลอด
5.จัดเวลาไม่เป็น หากเมื่อตอนเป็นเด็ก พ่อแม่ชิงรับหน้าที่ในการจัดสรรเวลา จัดลำดับความสำคัญสิ่งที่ต้องทำก่อน-หลังมาจากลูกทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ซึ่งอาจจะส่งผลดีเฉพาะหน้า คือช่วยให้ลูกทำการบ้านเสร็จตรงเวลา ไปโรงเรียนทันเวลา แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เสียไปคือ โอกาสที่เด็กจะได้เรียนรู้การบริหารจัดการเวลาของตัวเอง
6.จัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ในขณะที่พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์พยายามทำทุกทางเพื่อปรนเปรอความสุขให้ลูก แต่ในทางตรงข้ามสิ่งที่พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์สอบตกคือ การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้ลูก สามารถรับมือกับความเครียด อารมณ์โกรธ เสียใจและผิดหวังได้
7.ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เพราะอยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด พ่อแม่จึงทำสุดความสามารถเพื่อให้ลูกได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการ แต่ใครจะรู้ว่า ในเบื้องลึกจิตใจของเด็ก การที่พ่อแม่ทำเช่นนั้น เหมือนเป็นการสื่อความในว่า พ่อแม่ไม่เชื่อมั่นในความสามารถและศักยภาพในตัวเขาที่จะพาตัวเองไปถึงเป้าหมายใดๆ ก็ตามไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และความรู้สึกนี้ก็เหมือนปมในใจที่พาให้เขากลายเป็นผู้ใหญ่คนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
เพราะเด็กวันนี้คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า เพราะฉะนั้น ถ้ารู้แบบนี้แล้วอยู่ที่พ่อแม่ว่าวันนี้คุณจะเลือกสร้างอนาคตแบบไหนให้ลูก