ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร วิจิตรากรุ๊ป กล่าวถึงสถานการณ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ฉะเชิงเทรา ว่าหลังจากที่ประกาศให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษหรือ อีอีซี  ส่งผลให้ปีนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพ มาขยายโครงการ เปิดโครงการในพื้นที่จังหัวดฉะเชิงเทรามากขึ้น โดยเฉพาะในอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา  และอำเภอบางปะกง นั้นแสดงว่าพื้นที่ในจังหวัดฉะเชิงเทราเริ่มมีศักยภาพในการลงทุนมากขึ้น แต่ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ตลาดมีการเติบโตขึ้นอยู่กับนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ,นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี, นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ 304 ขณะเดียวกันบริเวณช่วงถนนมอเตอร์เวย์อำเภอบางปะกงไปจนถึงตัวเมืองฉะเชิงเทรา มีบริษัทรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์พัฒนาโครงการเป็นจำนวนมากรวมแล้วมากกว่า 51 โครงการ ประมาณ 12,400 หน่วย มูลค่าโครงการรวมประมาณ 36,000 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 55% อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท และรองลงเป็นทาวน์เฮาส์ 37%  อยู่ในระดับราคา 1.9 - 3 ล้านบาท  ที่อยู่เป็นอาคารชุดและอาคารพาณิชย์ 8%

          ดังนั้นบริษัทจึงกำหนด 4  กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในอนาคตได้แก่  1.การใช้นวัตกรรมในการพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า เพิ่มความหลากหลายทั้งบ้านเดี่ยว,ทาวน์เฮาส์,บ้านแฝด 2. ขยายทำเลให้กว้างขึ้น เนื่องจากบริษัทมีแลนด์แบงก์ที่รอการพัฒนาอีกหลายแปลง อาทิเช่น ลาดกระบัง-อ่อนนุช ,โสธร 5 ในพื้นที่อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา,ถนนมอเตอร์เวย์ อำเภอบางปะกง และในพื้นที่อำเภอบ้านโพธิ์  3.มารวย 4.0 คือการลุงทุนด้าน IT  และการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้กับบริษัท และบริษัทในเครื่อให้มากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาจัดใช้เก็บข้อมูลต่างๆ  4.รีแบรนด์ คือการสร้างภาพลักษณ์องค์กร ทั้งผู้บริหาร และพนักงาน ให้ทันสมัยเพื่อสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่มีการขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่  รวมทั้งเน้นกิจกรรม CSR ทำกิจกรรมเพื่อสังคม

          สำหรับความสำเร็จในปีนี้ของบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด นั้น บริษัทสามารถปิดยอดขายของโครงการมารวยโสธร 4 ไปกว่า 60%  ซึ่งเปิดโครงการอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ได้รับรางวัล  Highly commended : Best Housing Interior Design  รางวัลยกย่องพิเศษด้านการออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด จาก Thailand Property Awards 2018    ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทได้รับรางวัลดังกล่าว ซึ่งตรงกับแนวคิดของบริษัทที่ต้องการสร้างพื้นที่ภายในให้มีความสมดุลในการใช้ชีวิตและตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้อยู่อาศัยได้ในทุกๆ ช่วงวัย โดยเน้นการออกแบบตกแต่งภายใต้คอนเซปต์ Modern-Classic-Loft Style เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ที่แสดงให้เห็นถึงผิวสัมผัส ไม้ หนัง ผ้า อย่างชัดเจน และงานผนัง Built-in ใน Style Classic ที่ลดทอนรายละเอียดลง ให้ความรู้สึกสมัยใหม่ รวมถึงการเลือกใช้ของประดับตกแต่งที่มีรายละเอียดตามสไตล์ที่เลือกไว้ผสมผสานและสร้างบรรยากาศภายในบ้านได้อย่างลงตัว

          “การออกแบบตกแต่งภายในเน้นคอนเซ้ปต์ สไตล์นอร์ดิก เน้นโทนสีที่มีความสว่างอบอุ่น รวมไปถึงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ไม่เน้นความสมดุลของเฟอร์นิเจอร์มากนัก เพื่อให้เกิดความหลากหลาย เน้นใช้โทนสีอ่อนไปจนถึงสีขาว ให้ความรู้สึกโปร่ง รู้สึกไม่อึดอัด  นอกจากนี้บริษัทยังเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐานของ SCG และ บุญถาวร  และวัสดุอื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน มอก. และกระจกรอบบ้านจะเป็นกระจกเขียวตัดแสงซึ่งสามารถกรองความร้อนได้มากกว่ากระจกทั่วไปถึง 20 % และมีผิวเรียบทำให้บ้านดูสว่างขึ้น”

          ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าปิดโครงการมารวยโสธร 4 ในช่วงปลายปี 2562 ซึ่งมีการเตรียมแลนด์แบงก์ ย่านอ่อนนุช-ลาดกระบังไว้ 1 แปลง พัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ เพื่อรองรับถนน 4 เลนส์  พร้อมทั้งเตรียมขึ้นโครงการใหม่ มารวยโสธร 5 ในพื้นที่อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อีก 1 แปลง นอกจากนี้เมื่อไตรมาส 3  ที่ผ่านมาบริษัทมีการเปิดตัวมารวยริเวอร์ไซด์เฟส 2 มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ซึ่งเป็นบ้านหรู ใกล้ริมแม่น้ำบางปะกง ขณะที่บริษัทมีการวางแผนที่จะเริ่มพัฒนาโครงการกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออก อาทิ ชลบุรี  ฉะเชิงเทรา  กบินทร์บุรี  ระยอง   สระแก้ว   อย่างไรก็ตาม 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถปิดยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตไว้ที่ 10-15%

ขอบคุณข้อมูลจาก www.marui.co.th