วัสดุก่อสร้าง ผลประกอบการ 9M/61

                วัสดุก่อสร้าง ผลประกอบการ 9M/61 สะท้อนภาพรวมความเป็นไปของกลุ่มอุตสาหกรรม TerraBKK Research ได้รวบรวม 21 บริษัทมหาชน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ภาพรวม ผลประกอบการ กลุ่มธุรกิจนี้ค่อนข้างผันผวนเลยทีเดียว ทั้งในแง่เพิ่มขึ้นและลดลง เฉลี่ยอยู่ในช่วง -2.2% ถึง 9.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (9M/60) และ มียอดขายรวมเฉลี่ย 74.3% - 84.0% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดรวมเต็มปี 2560 เพื่อความชัดเจนในข้อมูล จึงขอแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ตามระดับรายได้ รายละเอียดดังนี้


TOP 5 บริษัทมหาชน รายได้ 9M/61 สูงสุด


               กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ประเภทปูนซีเมนต์และปูนสำเร็จรูป, ยางมะตอย, สีและสารเคลือบผิว ยังคงเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงสุด ในกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) เพียงหนึ่งเดียวที่มีรายได้ระดับแสนล้านบาท ด้วยตัวเลขรายได้รวม 380,927 ลบ. คงเหลือกำไรสุทธิ 34,281 ล้านบาท (ลดลง 19%จากช่วงเดียวกันปีก่อน) จากผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ และการด้อยค่าสินทรัพย์ สำหรับ ผลประกอบการ รองลงมาอีก 4 บริษัทมหาชน ล้วนอยู่ในระดับหมื่นล้านบาท ได้แก่ ปูนซีเมนต์นครหลวง(SCCC) 34,271 ลบ. , ทีพีไอ โพลีน(TPIPL) 27,139 ลบ. , ทิปโก้แอสฟัลท์(TASCO) 18,226 ลบ. ,ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย)(TOA) 12,155 ลบ.


               ขณะที่ อัตรากำไรสุทธิ สูงสุดในกลุ่มนี้ จะเป็นบริษัทน้องใหม่ที่พึ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายปีก่อน นั้นคือ ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย)(TOA) ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น แม้ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายจะเพิ่มขึ้นตาม แต่สุดท้ายยังคงมี อัตรากำไรสุทธิ 11.41% สูงสุดในกลุ่ม Top 5 นี้


ผลประกอบการ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รายได้ไม่เกิน 10,000 ลบ.


                กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 ลบ. กลุ่มนี้กระจายอยู่ในหลากหลายประเภทสินค้าก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มกระเบื้องเซรามิก , กลุ่มแผ่นไม้-ไม้สังเคราะห์ , กลุ่มพรมและวัสดุปูพื้น, กลุ่มแปรรูปพลาสติก, กลุ่มกระเบื้องหลังคา เป็นต้น ผลประกอบการ ส่วนใหญ่สามารถทำกำไรสุทธิได้ แต่ก็มี 2 บริษัทมหาชน ที่มีตัวเลขลดลง นั้นคือ เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) ขาดทุนสุทธิ 56 ลบ. เป็นผลมาจากตัวเลขรายได้ที่ลดลง ประกอบต้นทุนพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น และรายการค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดขึ้นประจำ และ วนชัย กรุ๊ป(VNG) ขาดทุน 218 ลบ. ตามตัวเลขรายได้การขายลดลง ทั้งปริมาณการขายและราคาขายที่ลดลง


               ด้าน อัตรากำไรสุทธิ สูงสุดในกลุ่ม ผลประกอบการ ระดับรายได้ไม่เกิน 10,000 ลบ. จะเป็น ไดนาสตี้เซรามิค(DCC) ดำเนินธุรกิจประเภทผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิคทั้งปูพื้นและบุผนัง ด้วยตัวเลขอัตรากำไรสุทธิ 12.29% ในรอบ 9 เดือนของปี 2561 (9M/61)

ผลประกอบการ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รายได้ไม่เกิน 2,000 ลบ.


                ความหลากหลายของประเภทสินค้าวัสดุก่อสร้างในกลุ่มนี้ เช่น คอนกรีตสำเร็จ, กระเบื้องโมเสก, แผ่นไฟเบอร์, แผ่นพื้นและเสาเข็มคอนกรีต, ท่อพลาสติก, กระเบื้องเซรามิคปูพื้น เป็นต้น บริษัทมหาชนที่มีความโดดเด่นที่สุดจะเป็น ทักษิณคอนกรีต(SCP) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงชนิดต่างๆ ที่สามารถทำ อัตรากำไรสุทธิ 16.27% สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ และสามารถสร้างรายได้ 1,575 ลบ. เกือบถึงยอดเดิมที่สามารถทำไว้เต็มปีก่อน (ปี 60 = 1,614 ลบ.) อีกด้วย ---TerraBKK

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน
TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก