Resume ที่เท่สะดุดตา จน HR ต้องหยิบมาอ่าน
คุณคือหนึ่งในผู้สมัครที่กำลังอยู่ในคอนเซ็ปต์ “ปีใหม่=งานใหม่” อยู่หรือเปล่า?
อย่าลืมอัพเดทเรซูเม่ของคุณก่อนยื่นใบสมัครล่ะ! และถึงแม้ว่า Resume อาจจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่มีผลเพียงแค่ 20% ต่อการตัดสินใจของเหล่า HR ก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการครีเอท Resume ให้ดึงดูดใจด้วยดีไซน์เท่ๆนั้น ก็ช่วยทำให้ลุคของคุณดูเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้นได้ทันตาเห็นเหมือนกัน แต่การจะทำให้เรซูเม่ของคุณนั้นปังกว่าใคร ก็ใช่ว่าจะต้องประโคมทุกดีไซน์ที่ดูใช่ทุกอย่างลงไปในนั้น เพราะจากจะดูโดดเด่นก็จะกลายเป็นลายตาซะจนไม่อาจหาความน่าสนใจได้ แต่คุณคะ อย่าพึ่งถอดใจ เพราะใครบอกว่าการทำเรซูเม่นั้นยาก! ทางทีมงาน WorkVenture ได้คัดสรร Resume จนได้พบกับงานดีไซน์สุดเท่ของ Fernando Báez กราฟิกดีไซน์เนอร์ จากเมืองมาดริก ประเทศสเปน มาให้คุณได้ดูเป็นแนวทาง เรารับรองได้เลยว่าใครต่อใครเห็น ก็ต้องหยิบมาอ่าน!
"เขียน Introduction ที่กระชับและได้ใจความ"
คุณต้องไม่บรรยายเรื่องราวของตัวเองจนดูเยอะะมากเกินไป และต้องไม่ลืมที่จะเขียนบทนำการแนะนำตัวของคุณดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด รวมไปถึงรูปถ่ายตนเอง เพราะรูปถ่ายเป็นหน้าต่างบานแรกที่จะทำให้เห็นว่าคุณคือใคร แน่นอนว่าเราไม่ได้ต้องการดูว่าคุณสวยหรือหล่อแค่ไหน แต่หมายถึงความสุภาพในรูปภาพต่างหาก หากคุณคือหนึ่งในผู้สมัครที่ใช้รูปที่โพสท่าทางเป็นนางแบบ รีทัชจนเกินจริง หรือภาพเซลฟี่ เราแนะนำให้เปลี่ยนจะดีกว่า เพราะภาพเหล่านี้อาจสื่อถึงความไม่เป็น Professional ของคุณได้
เราจะยกบทสัมภาษณ์ผู้บริหารองค์กรยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในจีน ประกาศรับสมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่บัญชี
มีผู้สมัครสาวสวยรายหนึ่งส่งรูปภาพที่ตัวเองรีทัชมาจนตนเองดูเด็กกว่าตัวจริงไปมาก เมื่อเรียกสัมภาษณ์กับคนอื่น และการเข้ารอบการสัมภาษณ์ไปรอบที่สองและอยู่ในช่วงการตัดสิน ผู้บริหารถามว่า เคยทำอะไรบ้างที่ไม่เป็นความจริง เธอตอบว่าไม่เคย แน่นอนว่าเธอตกสัมภาษณ์ทันที เพราะเรื่องรีทัชรูปที่ตนเองคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ผู้บริหารกลับมองว่า ถ้าเรื่องอะไรก็ตามที่บิดเบือนความจริง ถูกมองเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างนั้นเรื่องการเงินแม้เพียงเศษเล็กน้อยก็อาจถูกมองข้ามไปได้เช่นกัน
"คุณควรไล่ระดับทักษะซอฟต์แวร์ที่ตนเองถนัดไว้ด้านบนสุด"
แล้วไล่ลงมาตามลำดับรวมไปถึงระดับการเชี่ยวชาญของภาษา ซึ่งสำคัญมากสำหรับการใช้สมัครงาน ในส่วนของลำดับตั้งแต่ประวัติการศึกษา และประวัติฝึกงาน ควรไล่ลำดับจากประวัติล่าสุดที่ได้รับ ต้องเริ่มจากปีล่าสุดที่จบ ไปจนถึงปีแรกๆที่เริ่มศึกษา
"เรซูเม่ไม่ควรมีความยาวเกิน 2 หน้ากระดาษ"
ตามหลักการณ์แล้ว เรซูเม่ไม่ควรมีความยาวเกิน 2 หน้ากระดาษ ไม่ควรเขียนติดกันยาวๆ และตามโครงร่างเรซูเม่ที่น่าสนใจดังนี้
- ข้อมูลส่วนตัว
- ประวัติการศึกษา
- ประวัติการฝึกงานและอบรม
- ความสามารถพิเศษดานอื่นๆ เช่น ภาษา หรือโปรแกรมเมอร์
- ความสนใจในเรื่องอื่นๆ และงานอดิเรกที่ชอบ
“การเรียงลำดับประสบการณ์ใหม่"
เพียงบอกว่าเคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง และปัจจุบันทำงานอยู่ในตำแหน่งอะไร ประสบการณ์ล่าสุดต้องมาเป็นอันดับแรก ไล่ลงมาจนถึงบรรทัดล่างสุด ในรายละเอียดก็ควรระบุหน้าที่รับผิดชอบที่ผ่านมาว่าเราทำอะไรบ้าง รวมถึงช่วงระยะเวลาที่เราได้ร่วมงานกับแต่ละบริษัท
ขอบคุณข้อมูลจาก www.workventure.com