แสนสิริโชว์ผลงานยอดขายตลาดต่างประเทศปี 61 แตะ 14,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปี และเติบโตขึ้นจากปีก่อน 50% จากความเชื่อมั่นในคุณภาพโครงการที่ตอบโจทย์ในทุกระดับราคา ชู 98 WIRELESS ขายดีลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจ - การให้บริการลูกค้าตั้งแต่ก่อนซื้อตลอดจนหลังการเข้าพักอาศัย ควบคู่กับการรุกทำตลาดเข้มข้น เปิดตลาดใหม่ที่เวียดนาม-เพิ่มเซลส์แกลอรี่ในจีน-จัดสัมมนารวมเอเจนท์ระดับโลก-จับมือพาร์ทเนอร์ต่างชาติ โตคิว พัฒนาโครงการ มั่นใจแนวโน้มปี 62 ตลาดต่างชาติยังเชื่อมั่นการลงทุนตลาดอสังหาฯ ไทยในระยะยาว ล่าสุดเปิดเซลส์แกลอรี่แห่งแรก SIRI HOUSE ที่เดมพ์ซี่ฮิลล์ สิงคโปร์

 

 

นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายตลาดต่างประเทศ ปี 2561 สูงเกินเป้าหมายที่ 14,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 13,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 9,300 ล้านบาท คิดเป็น 50% ทั้งนี้ยอดขายหลักมาจากกลุ่มลูกค้าชาวเอเชีย จากการที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวประกอบกับกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อที่ดี บริษัทจึงเดินหน้าบุกตลาดต่างชาติอย่างต่อเนื่องตลอดมา จนก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจีนและฮ่องกงเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ขณะที่ไต้หวันและสิงคโปร์เป็นอีกสองตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงที่บริษัทมีฐานลูกค้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

“ความสำเร็จของยอดขายในครั้งนี้ มาจากการที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์ แสนสิริ จากการเป็นผู้บุกเบิกตลาดต่างชาติ และการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพครอบคลุมทุกระดับราคา โดยมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจในคอนโดทุกระดับราคา ตั้งแต่โครงการในระดับราคาเข้าถึงง่าย เช่น โครงการเดอะ ไลน์ และเดอะ เบส ถึงระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่โครงการ 98 WIRELESS พร้อมกันนี้ แสนสิริยังมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่เหนือระดับให้แก่ลูกบ้าน โดยใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การก่อสร้าง การออกแบบ ตลอดจนการให้บริการหลังการขายเมื่อลูกบ้านเข้าพักอาศัย ซึ่งแสนสิริเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่ให้บริการตอบโจทย์การอยู่อาศัยตลอดทุกช่วงเวลาแบบครบวงจร ให้ลูกค้าคลายกังวลเรื่องการดูแลรักษา แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยโดยแสนสิริจัดทีมผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เข้ามาให้การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีตัวช่วยบริหารการเช่าที่พักอาศัยจาก  พลัส พร็อพเพอร์ตี้ และ โฮสต์เมกเกอร์ (HOSTMAKER) พันธมิตรผู้ให้บริการบริหารการเช่าที่พักอาศัยระยะกลาง-ยาวและการจองที่พักแบบครบวงจรอันดับ 1 ในลอนดอน รองรับลูกค้าที่ซื้อห้องพักเพื่อการลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนที่สูงมากขึ้นกว่าเดิม” นายอุทัย กล่าว

 

ขณะเดียวกันแสนสิริยังเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายสำนักงานขาย (Sales Gallery) ในประเทศจีน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์จริงในการชมห้องตัวอย่าง พร้อมทั้งข้อมูลที่เจาะลึกจากตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญ สร้างความเชื่อมั่นในการตัดสินใจ รวมถึงการขยายตลาดใหม่ร่วมกับพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นในประเทศเวียดนามที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในแถบเอเชียเมื่อปีที่ผ่านมา เห็นได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยวเวียดนามที่นิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ส่งผลดีต่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อการพักผ่อน นอกจากนี้แสนสิริยังพัฒนาศักยภาพตัวแทนจำหน่ายจากทั่วโลก ในการให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าตลอดกระบวนการ ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำแนะนำก่อนการขาย ตลอดจนการบริการหลังการขาย รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกบ้านเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดระดับนานาชาติ

 

พร้อมกันนี้ยังจับมือกับพันธมิตรต่างชาติ โดยดึงจุดแข็งของพันธมิตรที่มีความเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าร่วมพัฒนาที่พักอาศัยในประเทศให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างชาติ เช่น การร่วมมือกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น สร้างโอกาสทางธุรกิจในการผลักดันแบรนด์ “แสนสิริ” ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น

 

“ตลาดลูกค้าต่างชาติยังมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจีนยังมียอดโอนที่ดีอย่างต่อเนื่องจากการเชื่อมั่นการลงทุนระยะยาวของอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยที่ให้ผลตอบแทนสูงจากค่าเช่าถึง 5-8% เมื่อเทียบกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจีน สิงคโปร์ และฮ่องกง ขณะเดียวกันยังมั่นใจว่าภาพรวมลูกค้าต่างชาติยังมีแนวโน้มยอดโอนที่น่าพึงพอใจต่อเนื่องในปีนี้ ด้วยอัตราการเก็บเงินดาวน์ที่สูง จึงมั่นใจได้ว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อจริง ประกอบกับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ยังคงมีปัจจัยบวกหนุน ทั้งในด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่มีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการลงทุนที่ขยายตัวต่อเนื่อง อาทิ การลงทุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ,การขยายโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าดินและอสังหาริมทรัพย์ทั้งบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ,การขยายเส้นทางรถไฟฟ้า ที่จะพัฒนาศักยภาพที่ดินบริเวณกรุงเทพฯ เขตชานเมือง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวสูง วัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 7.54% จากปีก่อน เป็นจำนวนกว่า 38 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 40 ล้านคนในปีนี้ แสนสิริจึงมั่นใจว่าตลาดต่างประเทศในปี 2562 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นเดิม” นายอุทัย กล่าว

 

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวเซลส์ แกลอรี่ แห่งแรกที่ SIRI HOUSE ที่เดมพ์ซี่ฮิลล์ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนมกราคม เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่แบบครบวงจรที่ได้รับความเชื่อถือสูงสุดในประเทศไทย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.sansiri.com