CPanelเผยผนังคอนกรีตสำเร็จรูปได้รับความนิยม ความต้องการใช้งานเพิ่ม ลูกค้าไว้วางใจ ขึ้นเป็นผู้นำ Top 3ขณะที่ปี62 ธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ดี คาดภาพรวมอสังหาฯโต 5% ด้านผู้พัฒนาโครงการ ผู้รับเหมาปรับตัว ลดต้นทุน-จำนวนแรงงาน พร้อมเดินหน้าเสนองานลูกค้าใหม่ โชว์ Backlog 500ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 20-30% รายได้ 318ล้านบาท

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ได้รับความนิยมและการยอมรับเพิ่มขึ้นมาก จากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาในประเทศไทย ที่เริ่มปรับตัวใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปแทนวัสดุอื่น ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเกิดขึ้นจำนวนมากตามความต้องการใช้งาน แต่ยังมีผู้ผลิตรายใหญ่มีเพียงไม่กี่ราย   

ทั้งนี้CPanelถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการแข่งขัน โดยผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบFully Automaticเพียงรายเดียวที่สามารถออกแบบและขึ้นงานได้ตามความต้องการของลูกค้า มีการบริหารจัดการและควบคุมงานที่มีประสิทธิภาพ และด้วยการผลิตที่ได้มาตรฐานทำให้ลดการเกิดปัญหาหน้างาน อีกทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งบริษัทได้รับความไว้วางใจจากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาชั้นนำจำนวนมาก จนสามารถเป็นผู้นำตลาดผนังคอนกรีตสำเร็จรูป อันดับต้นๆของประเทศ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า20,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

            “ CPanel มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี เชื่อว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะเติบโตในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตประมาณ 5% จากโครงการแนวราบและแนวสูง      ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวขนาดกลางขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาฯยังคงมีความเสี่ยง จากมาตรการคุมเข้มของการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ ต้องมีการปรับตัว ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน บริหารความเสี่ยง และใช้วัสดุที่ทำให้การก่อสร้างเสร็จเร็วมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทในการเติบโตในปีนี้” นายชาคริต กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้CPanelยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมและเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีรูปแบบโครงการที่หลากหลาย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า5 ราย  ตลอดจนโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยในปีนี้มีโครงสร้างอาคารภาครัฐเป็น Fully Prefab 1 โครงการ และ เป็น Façade 2 โครงการ

            ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าจำนวน 15 ราย มีมูลค่างานในมือ (Backlog) 501ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2563ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 60% และตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีนี้อยู่ที่ 20-30% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 318 ล้านบาท