กรุงเทพฯ - บิ๊กบอส “ALL” โชว์งบไตรมาส 1/62 รายได้รวม 852.36 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 97.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.11% เมื่อเทียบไตรมาส 1/61 หลังบุ๊คยอดโอน 824.98 ล้านบาท พร้อมการันตีผลงาน 3 ปีจากนี้ เติบโตปีละเท่าตัว จากการโอนแบ็กล็อกขายสต็อก - เปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุด ณ ไตรมาส 1/62 ตุนแบ็กล็อก รอบุ๊กกว่า 7,200 ล้านบาท และมีสินค้าเหลือขายในมือกว่า 12,000 ล้านบาท พร้อมเผยในปี 62 มี 5 โครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท ขณะเดียวกันเตรียมเปิดขายคอนโดมิเนียม 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 18,250 ล้านบาท รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต 

          นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) ตอกย้ำถึงแนวโน้มทิศทางภาพรวมธุรกิจของ ALL หลังจากนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2562 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทมีรายได้รวม  852.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.92 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 97.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.11% เมื่อเทียบจากปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ 4 โครงการ มูลค่ารวม 669.98 ล้านบาท 

          ทั้งนี้ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการบริหารงานของบริษัท และเชื่อมั่นว่าภาพผลประกอบการในอนาคตของ ALL หลังจากนี้ต่อไป จะมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ ในการก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ 

          โดยในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2562 - 2564) บริษัทฯ คาดว่า แนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ มีการทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีในมืออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีโครงการที่รอการขาย ซึ่งสามารถสร้างยอดขายให้บริษัทฯ รวมถึงบริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอีกหลายโครงการ  โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม ประมาณ 7,200 ล้านบาท จาก 13 โครงการในมือ ซึ่งในปี 2562 บริษัทฯ จะทยอยรับรู้ประมาณ 60 - 70% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2566 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีสินค้าเหลือขาย (Inventory) ในมือมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าพร้อมโอนภายในปีนี้ ประมาณ 40% ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ทันทีหลังการขาย 

          สำหรับในปี 2562 บริษัทฯ จะมีโครงการคอนโดมิเนียมแล้วเสร็จ จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8,600 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการ ไรส์ พระราม 9 (Rise Rama 9) มูลค่าโครงการ 1,594 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 2. โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว - นวมินทร์ (The Vision Ladprao - Nawamin) มูลค่าโครงการ 1,391 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 3. โครงการ อิมเพรสชัน ภูเก็ต (Impression Phuket) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 4. โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) มูลค่าโครงการ 1,596 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/2562 และ 5. โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 (The Excel Hideaway Sukhumvit 50) มูลค่าโครงการ 2,011 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/2562

          ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ในทำเลทองหล่อ 12 ทองหล่อ 16 และโครงการ อิมเพรสชัน เอกมัย (Impression Ekkamai) ส่วนอีก 3 โครงการ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ (Low Rise) ได้แก่ ทำเลสุทธิสาร ซอย 20 มิถุนา แยก 5 และลาซาล 83 ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินแล้วทั้งหมด เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต 

          “ในช่วงไตรมาส1/2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย (Impression Ekkamai) พัฒนาภายใต้บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ALL ถือหุ้น 51% กับ Hoosiers Asia Pacific และ Kyushu Railway Company เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าและธุรกิจหลายด้านในประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้นในสัดส่วน 49% และโครงการในทำเลทองหล่อ (ทองหล่อ 16) พัฒนาภายใต้บริษัท เอจี ทองหล่อ 12 จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ALL ถือหุ้น 62% กับ Ground Property เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ ถือหุ้นในสัดส่วน 38% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี”  

          อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบนพื้นที่ศักยภาพ เกาะแนวระบบขนส่งมวลชนระบบรางของกรุงเทพฯ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) ในรัศมี 1 - 2 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงการออกแบบด้วยความทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ เน้นฟังก์ชันการใช้งาน พื้นที่ใช้สอย พื้นที่ส่วนกลาง และสิ่งแวดล้อมที่ดี มุ่งเน้นการอยู่อาศัยได้จริง ในราคาที่จับต้องได้ 

          “ALL ได้แบ่งสัดส่วนการขายโครงการระหว่างลูกค้าต่างประเทศและลูกค้าภายในประเทศ ซึ่งบริษัทฯ มีนโยบายขายให้ลูกค้าต่างประเทศ ในสัดส่วน 30 - 40% เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้บริษัทฯ หลังการขาย ซึ่งบริษัทฯ สามารถเก็บเงินดาวน์ได้ทันที 30% ของราคาขายจากลูกค้าต่างชาติ เป็นกระแสเงินสดเข้ามาในบริษัทฯ ทันที ส่วนที่เหลืออีก 70% ลูกค้าต่างชาติ มักโอนด้วยเงินสด ทำให้หมดปัญหาเรื่องยอดปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในโมเดลทางการเงินของบริษัทฯ ที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน และสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อขยายกิจการได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในอนาคตนายธนากรกล่าวทิ้งท้าย

 
ขอบคุณข้อมูลจาก www.allinspire.co.th