ปัจจัยที่ส่งผลให้อินเดียก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำเศรษฐกิจโลก
ในปัจจุบันคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจของนักลงทุนทั่วโลก มีมูลค่าทางการตลาดที่สูง มีการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสามารถดูได้จากสถิติการเติบโตของ GDP ของประเทศอินเดียตั้งแต่ปี 2010 – 2018 ประเทศอินเดียมีอัตราการเติบโตของ GDP ที่สูง เฉลี่ยปีละ 7% (Socure : countryeconomy.com) ในปี 2018 อินเดียมีมูลค่า GDP กว่า 2,957.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอันดับที่ 5 ของโลก และมีการคาดการณ์กันว่า ในปี 2050 อินเดียจะมี มูลค่า GDP เป็นอันดับที่ 2 ของโลก แล้วสาเหตุอะไรประเทศอินเดียจึงกลายเป็นผู้นำในด้านเศรษฐกิจโลกอนาคต ทาง Terrabkk จึงขอสรุปปัจจัยที่จะทำให้อินเดียกลายเป็นผู้นำในด้านเศรษฐกิจโลกอนาคต ดังนี้
- อินเดียคือประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
ปัจจุบันประเทศที่มีประชากรเยอะมากที่สุดในโลกคือประเทศจีนที่มีประชากรสูงถึง 1,418,256,055 คน คิดเป็น 18.41% ของประชากรโลก ส่งผลให้ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดในโลก ในด้านของประเทศอินเดียที่มีประชากรเป็นอันดับที่ 2 ของโลก จำนวน 1,363,416,218 คน คิดเป็น 17.74% ของประชากรโลก ซึ่งมีประชากรน้อยกว่าประเทศจีนไม่มากนัก นี่ทำให้เราเห็นถึงขนาดกำลังซื้อ Demand ที่อยู่ในตลาดของประเทศอินเดียที่มีจำนวนไม่ต่างจากประเทศจีน ส่งผลให้เป็นอีก 1 ปัจจัยที่ทำให้ GDP ของประเทศอินเดียเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว (socure : based on the latest United Nations estimates)
- Bangalore ซิลิคอนแวลลีย์แห่งอินเดียศูนย์กลางเทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งรวมบริษัท outsource ระดับโลก
Bangalore ซิลิคอนแวลลีย์แห่งอินเดีย คือเขตเศรษฐกิจด้านเทคโนโลยีของประเทศอินเดีย ที่เป็นศูนย์รวมของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกและของประเทศอินเดีย เช่น Biocon บริษัท Biotechnology ที่ใหญ่สุดของอินเดีย ที่สำคัญใน Bangalore ยังมีบริษัทสตาร์ตอัปยูนิคอร์นที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและยังไม่ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์อยู่ถึง 6 บริษัท เช่น OLA Cabs Application ให้บริการเช่ารถ,BYJU’S Application สื่อการเรียนการสอน จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกเข้าสู่ประเทศอินเดีย
- การมีบุคลากรที่มีความสามารถระดับโลก
จากผลการสำรวจของ Knowledge Junction Facebook Page ได้มีการเปิดเผยว่า 25% ของแพทย์ในอเมริกาเป็นคนอินเดีย 30% ของบุคลากรในองค์การนาซ่า (NASA) เป็นคนอินเดีย 34% ของบุคลากรในบริษัทไมโครซอฟ เป็นคนอินเดีย 28% ของบุคลากรในบริษัท IBM (ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์) เป็นคนอินเดีย 27% ของบุคลากรในบริษัท Intel (ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์) เป็นคนอินเดีย 32% ของนักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาเป็นคนอินเดีย
นอกจากนี้เรายังจะเห็นอีกว่าเหล่าผู้บริหารในบริษัทระดับโลกหลายๆบริษัทเป็นคนอินเดีย หรือมีเชื้อสายอินเดีย อาทิเช่น Sundar Pichai CEO ผู้ดูแล Google,Satya Nadella อดีต CEO ไมโครซอฟท์ , Anshu Jain CEO ของ ดอยช์ แบงค์ จากที่กล่าวมาเราจะเห็นได้ว่าคนอินเดียถือว่าเป็นแรงงานที่มีศักยภาพมากในตลาดโลกและกระจายตัวอยู่ทั่วโลก แล้วลองคิดดูสิครับ ถ้าวันหนึ่งคนอินเดียที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกเดินทางกลับเข้ามาทำธุรกิจภายในประเทศของตัวเอง ประเทศอินเดียจะพัฒนาได้รวดเร็วขนาดไหน
- นโยบาย "Make in India" กับการลดขั้นตอนซ้ำซ้อนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
แนวคิดหลักของแคมเปญนี้คือการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์และทัศนคติของระบบราชการอินเดีย ซึ่งที่ผ่านมายังยึดระบบ License Raj คือข้าราชการใช้อำนาจให้อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เอกชนทำธุรกิจได้เต็มที่ ทำให้การทำธุรกิจในอินเดียมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยแนวคิดในนโยบายใหม่ คือการสร้างภาพลักษณ์ความเป็นหุ้นส่วนกับภาคเอกชนในการเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในอินเดีย โดยเน้นบทบาทให้การสนับสนุนมากกว่าเป็นผู้อนุญาต โดยลดขั้นตอนระบบราชการ (red tape) และเปลี่ยนเป็นการปูพรมแดง (red carpet) ต้อนรับเอกชน โดยการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ จัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า Invest India ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่รัฐบาลอินเดียร่วมทุนกับสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย (FICCI) และที่สำคัญรัฐบาลอินเดียยังเตรียมปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำธุรกิจของต่างชาติในอินเดีย เช่น การยกเลิกการขอใบอนุญาตที่ซ้ำซ้อน การขยายเวลาใบอนุญาตต่างๆ จาก 1 ปีเป็น 3 ปี มีการพัฒนาระบบ one-stop service Online (eBiz) สำหรับเป็นศูนย์รวมการขอรับใบอนุญาต การปรับใช้ระบบภาษีเดียว (GST) และการเพิ่มการลงทุน FDI ในสาขาต่างๆ นี่จึงทำให้การลงทุนจากต่างชาติมีกระบวนการไม่ซ้ำซ้อน รวดเร็ว และได้รับการแก้ปัญหาอย่างทันที
ซึ่งทาง Terrabkk คิดว่าปัจจัยหลักๆอาจจะมาจาก 4 หัวข้อนี้ แต่ถ้าหากท่านใดคิดว่ามีปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลให้อินเดียก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำเศรษฐกิจโลกก็มาร่วมแชร์แสดงความคิดเห็น แบ่งปันความรู้ให้ทุกๆคนได้มาวิเคราะห์ พิจารณากันครับ
