วิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ชะอำ หัวหิน ปี 62
ปัจจุบันตลาดอสังหาฯในหัวเมืองท่องเที่ยว ยังคงความน่าสนใจไม่แพ้กับอสังหาฯในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวชายทะเล อาทิ ภูเก็ต ชะอำ และหัวหิน ซึ่งส่วนใหญ่อัตราการขายอยู่ในระดับสูง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในจังหวัดภูเก็ต และเพชรบุรีมีคอนโดฯเหลือขายมากที่สุด 53.4% และ 68% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีบ้านเดี่ยวระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท เหลือมากที่สุดถึง 50.9% ซึ่งข้อมูลนี้สะท้อนถึงภาพรวมของการพัฒนาอสังหาฯในระยะต่อไปที่ผู้ประกอบการจะต้องพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้นเพื่อลดสต๊อกสินค้า
โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 3 จังหวัด คือ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย พบว่า
จังหวัดภูเก็ต
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดภูเก็ต มี 210 โครงการ จำนวน 30,416 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 176,366 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายในตลาด 7,698 หน่วย (25.3% ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด) คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 41,925 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บ้านจัดสรร 84 โครงการ จำนวน 12,682 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 56,417 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 3,513 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 15,096 ล้านบาท
- อาคารชุด 87 โครงการ จำนวน 17,025 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 85,239 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 4,029 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 20,608 ล้านบาท
- วิลล่า 39 โครงการ จำนวน 709 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 34,710 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 156 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 6,220 ล้านบาท
โดยหน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด รวมจำนวน 7,542 หน่วย เป็นอาคารชุดมากที่สุด 53.4% ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 21.5% ระดับราคา 2 - 3 ล้านบาท ,บ้านแฝด 12.7% ระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท ,บ้านเดี่ยว 10.7% ราคา 5 – 7.5 ล้านบาท
ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดภูเก็ตที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่
1) ทำเลฉลอง-วิชิต ขายได้ 89.3 % มูลค่า 10,865 ล้านบาท
2) ทำเลหาดบางเทา-หาดสุรินทร์ ขายได้ 89.3% มูลค่า 1,681 ล้านบาท
3) ทำเลตลาดใหญ่-ตลาดเหนือ ขายได้ 80.2% มูลค่า 481 ล้านบาท
4) ทำเลในเมืองกะทู้ ขายได้ 78.1% มูลค่า 3,415 ล้านบาท
5) ทำเลหาดกะรน-หาดกะตะ ขายได้ 75.0% มูลค่า 160 ล้านบาท
ส่วนทำเลอาคารชุด (คอนโดฯ) ในจังหวัดภูเก็ตที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1) ทำเลตลาดใหญ่-ตลาดเหนือ ขายได้ 96.1% มูลค่า 3,674 ล้านบาท
2) ทำเลหาดป่าตอง ขายได้ 85.1% มูลค่า 4,548 ล้านบาท
3) ทำเลหาดในยาง-หาดไม้ขาว ขายได้ 84.1% มูลค่า 6,268 ล้านบาท
4) ทำเลหาดราไวย์ ขายได้ 81.7 มูลค่า 9,117 ล้านบาท
5) ทำเลหาดกะรน-หาดกะตะ ขายได้ 80.7 % มูลค่า 10,908 ล้านบาท
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มี 108 โครงการ จำนวน 8,555 หน่วย มูลค่ารวม 43,458 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายในตลาด 2,266 หน่วย (26.5% ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด) คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 12,096 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บ้านจัดสรร 83 โครงการ จำนวน 4,345 หน่วย มูลค่ารวม 18,470 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 1,724 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 7,591 ล้านบาท
- อาคารชุด 17 โครงการ จำนวน 4,021 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 18,808 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 485 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,657 ล้านบาท
- วิลล่า 8 โครงการ จำนวน 189 หน่วย มูลค่ารวม 6,180 ล้านบาท หน่วยเหลือขาย 57 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1,848 ล้านบาท
ทั้งนี้หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดจำนวน 2,209 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด 50.9% ระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท รองลงมาเป็นอาคารชุด 22% ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท ,บ้านแฝด 11.8% ระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 10% ราคา 1 – 1.5 ล้านบาท
ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ขายดี 5 อันดับ คือ
- เขาตะเกียบ ขายได้ 67.9% มูลค่า 1,982 ล้านบาท
- ทับใต้ ขายได้ 64.4% มูลค่า 3,213 ล้านบาท
- ปราณบุรี ขายได้ 60.2% มูลค่า 1,233 ล้านบาท
- เขาหินเหล็กไฟ ขายได้ 56.8% มูลค่า 3,821 ล้านบาท
- หัวหิน ขายได้ 51.3% มูลค่า 630 ล้านบาท
ส่วนทำเลอาคารชุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ขายดี
- หัวหิน ขายได้ 93.4% มูลค่า 7,183 ล้านบาท
- เขาตะเกียบ ขายได้ 82.1% มูลค่า 6,945 ล้านบาท
- ปราณบุรี ขายได้ 81.8% มูลค่า 1,596 ล้านบาท
- เขาหินเหล็กไฟ ขายได้74.4% มูลค่า 427 ล้านบาท
จังหวัดเพชรบุรี
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดเพชรบุรี มี 63 โครงการ จำนวน 14,418 หน่วย มูลค่ารวม 59,985 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายในตลาด 3,101 หน่วย (21.5% ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด) คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 11,604 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บ้านจัดสรร 46 โครงการ จำนวน 2,733 หน่วย มูลค่ารวม 13,838 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 990 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 4,101 ล้านบาท
- อาคารชุด 14 โครงการ จำนวน 11,631 หน่วย มูลค่ารวม 43,967 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 2,105 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 7,244 ล้านบาท
- วิลล่า 3 โครงการ จำนวน 54หน่วย มูลค่ารวม 2,180 ล้านบาท หน่วยเหลือขาย 6 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 260 ล้านบาท
ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดเพชรบุรีที่ขายดี
- หาดเจ้าสำราญ ขายได้ 77.7% มูลค่า 239 ล้านบาท
- ชะอำตอนเหนือ ขายได้ 71.1% มูลค่า 4,686 ล้านบาท
- ในเมืองเพชรบุรี ขายได้ 66.3% มูลค่า 1,061 ล้านบาท
- ชะอำตอนใต้ ขายได้ 55.6% มูลค่า 3,752 ล้านบาท
ส่วนทำเลอาคารชุดในจังหวัดเพชรบุรีที่ขายดี
- ชะอำตอนใต้ ขายได้ 88.1% มูลค่า 6,718 ล้านบาท
- ชะอำตอนเหนือ ขายได้ 81.5% มูลค่า 29,956 ล้านบาท
- ในเมืองเพชรบุรี ขายได้ 52.1% มูลค่า 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดจำนวน 3,095 หน่วย เป็นอาคารชุดมากที่สุด 68% ในระดับราคา 3 - 5 ล้านบาท รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว 23.1% ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท ,ที่ดินเปล่า 4.1% ระดับราคา 1 – 1.5 ล้านบาท ,ทาวน์เฮ้าส์ 3.2% ราคา 5 – 7.5 ล้านบาท
จากข้อมูลด้านบนที่เห็นนี้ได้สะท้อนถึงความต้องการของลูกค้าในแต่ละทำเลได้เป็นอย่างดี แม้ว่าทั้ง 3 จังหวัดจะเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวฝั่งชายทะเลชื่อดังของไทย แต่ความต้องการที่อยู่อาศัยกลับมีความแตกต่างกัน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากศักยภาพของทำเลที่แตกต่างกันทางกายภาพ และจำนวนที่ดินที่รอการพัฒนามีเหลือไม่มาก ทำให้การพัฒนาโครงการที่ผ่านมาอาจต้องรอกำลังซื้อจากลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเข้ามา และหลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เหล่าผู้ประกอบการจะได้กลับมาทบทวน เริ่มวางแผลกลยุทธ์ใหม่ เพื่อพัฒนาอสังหาฯในหัวเมืองท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ