“แสนสิริซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัทย่อย Standard International 59% จากเดิม 37% เชื่อมั่นแผนดันธุรกิจผงาดเวทีโลก”
แสนสิริ ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในบริษัทระดับโลก ล่าสุดได้ซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัทStandard International Holdings หรือ SIH บริษัทแม่ของโรงแรม The Standard แบรนด์โรงแรมอเมริกันที่โด่งดังด้วยกลุ่มลูกค้าเปี่ยมรสนิยม การออกแบบ ล้ำยุค และการมอบบริการเหนือมาตรฐาน โดยถือหุ้นเพิ่มเป็น 59.02% จากเดิม 37.26%
นับเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นในการเติบโต พร้อมเตรียมธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ผลักดันพัฒนาแผนการขยายโรงแรมสู่ 25แห่งภายใน 5 ปี รวมถึง 4 โรงแรมในไทย อาทิ เกาะสมุย ภูเก็ต พัทยา หัวหิน จาการ์ต้า มิลาน ปารีส ลิสบอน บอร์โดซ์ เม็กซิโกซิตี้ ชิคาโก้ เมลเบิร์น และอีกมากมาย
คุณวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า “หลังจากที่แสนสิริได้เข้าลงทุนกับ Standard International เป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2017 เราก็ได้เข้าร่วมพัฒนาแผนธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมกลยุทธ์ที่เน้นไปที่ เทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ขึ้นเรื่อยๆ คาดการณ์ว่าตลาดโรงแรมทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวและรายได้รวมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นปีละ 7.8% ตลอด 5 ปีต่อจากนี้ The Standard จัดอยู่ในส่วนของโรงแรมบูติกและไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์ที่โตเร็วที่สุดในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ด้วยเหตุดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นและอนุมัติในหลักการเรื่องการเข้าซื้อเงินลงทุนในบริษัทร่วม Standard International Holdings, LLC. ในสัดส่วน 21.76% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 40.45 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าทําธุรกรรมดังกล่าว จะทําให้สัดส่วนการถือหุ้นของ Sansiri (US), Inc. ใน SIH เพิ่มขึ้นจากเดิมในสัดส่วน37.26% เป็นสัดส่วน 59.02% และจะส่งผลให้ SIH เป็นบริษัทย่อยทางตรงของ Sansiri (US), Inc. และเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ โดยปริยาย”
แม้ยังไม่ถึง 2 ปีเต็มหลังจากที่แสนสิริได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ตอนนี้ Standard International ได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติโดยการเปิดโรงแรมแห่งใหม่ทั่วโลก พร้อมขยายสู่ 25 โรงแรมภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยได้เปิดแห่งแรกนอกสหรัฐฯ ที่ย่านคิงส์ครอสในลอนดอนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่อด้วยมัลดีฟส์ในช่วงปลายปีนี้ (โดยขณะนี้เดอะสแตนดาร์ดได้เข้าบริหารจัดการโรงแรมที่สร้างเสร็จแล้ว เพื่อดำเนินการต่อเติมและรีแบรนด์โรงแรมก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ)
คุณอามาร์ ลาลวานี ซีอีโอของกลุ่ม Standard International กล่าวว่า “เราต่างภูมิใจที่ตอนนี้ Standard International ได้กลายเป็นบริษัทที่มีความเป็นนานาชาติอย่างแท้จริง โดยการเปิดตัวโรงแรมแห่งแรกในยุโรปและเอเชีย ด้วยการสนับสนุนและการลงทุนจากแสนสิริ เราจึงมีความพร้อมที่จะเติบโตไปกับตลาดนานาชาติที่กำลังโตอย่างรวดเร็ว และจะมีโรงแรมทั้งหมด 25 แห่งภายใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ แบรนด์สแตนดาร์ดยังมีภาพลักษณ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก ซึ่งเน้นใช้จ่ายกับประสบการณ์มากกว่าสินค้าที่จับต้องได้ และในปัจจุบัน 60% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลในโลกอยู่ในทวีปเอเชีย ด้วยเหตุดังกล่าว เราจึงวางแผนเปิดโรงแรมกว่า 90% นอกสหรัฐอเมริกา โดยประมาณ 2 ใน 3 อยู่ในทวีปเอเชีย”
The Standard เป็นมากกว่าบริษัทโรงแรม แต่ยังมุ่งรังสรรค์ประสบการณ์อย่างถึงแก่น ทั้งในด้านการออกแบบ ศิลปะ ดนตรี แฟชั่น อาหาร และการท่องราตรี ซึ่งล้วนเป็นจุดขายที่แตกต่างไปจากแบรนด์โรงแรมอื่นๆ โดยมีการผสมผสานเอกลักษณ์ของ The Standard เองเข้ากับวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในแต่ละย่านที่โรงแรมไปเปิด
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ธุรกิจโรงแรมบูติกมากมายได้ควบรวมเข้ากับบริษัทใหญ่ๆ ต่างจาก The Standard ที่ยังคงความเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นและเป็นอิสระ
คุณลาลวานีอธิบายเสริมว่า “โรงแรมบูติกส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่สามารถขยายกิจการได้มากไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่ดีแค่ไหน เหตุเพราะโครงสร้างธุรกิจที่ทำให้ไม่สามารถขยายสู่ระดับโลกได้ แต่ The Standard สามารถทำได้สำเร็จด้วยการลงทุนจากแสนสิริ และตอนนี้ เราอยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จในระดับโลก พร้อมด้วยความเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบ มีฐานการลงทุนที่แข็งแกร่ง โครงสร้างธุรกิจระดับโลก และแผนการขยายกิจการอย่างครอบคลุม”
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก The Standard ก็จะกลายเป็นศูนย์รวมทางสังคมและวัฒนธรรมที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง สร้างงาน และช่วยให้เศรษฐกิจในที่นั้นๆ ดีขึ้น ตั้งแต่ที่ถนนซันเซ็ตสตริปที่ฮอลลีวูด ย่านมีทแพ็กกิ้งในนิวยอร์ก ย่านคิงส์ครอสในลอนดอน และแน่นอนว่าจะมาถึงประเทศไทยในอีกไม่นาน
ขอบคุณข้อมูลจาก www.sansiri.com