12 ก.ย.62-รายงานข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ระบุว่านายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ กพท.17/7911 ลงวันที่ 6 กันยายน 2562 เรื่องการตรวจสอบผลกระทบจากการก่อสร้างภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ   ถึง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)(ทอท.) โดยระบุข้อความว่า 

           “โครงการดังกล่าว เสี่ยงต่อความปลอดภัยทางการบิน กรณีที่อาจจะถูกแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขณะอากาศยานร่อนลงสู่สนามบินในระดับต่ำขณะอากาศยานร่อนลงสู่สนามบินในระดับต่ำขณะเดินอากาศยาน Take Off และ Landing ในระดับต่ำ (Low Risk) และมีข้อแนะนำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อบรรเทาความเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซง” 

           อย่างไรก็ตาม​ในหนังสือข้อดังกล่าวอ้างถึง การฝึกอบรมของ กพท. กับ Transportation Security Administration ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14-23 สิงหาคม 2562 พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมให้กพท.ตรวจสอบความปลอดภัยการบินในจุดที่มีการก่อสร้างเซนทรัลวิลเลจนั้น เพราะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเซีย ที่ปีนี้จะมีผู้โดยสารแตะ 70 ล้านคน

           รายงานข่าว ทอท.ระบุอีกว่า กพท.ได้ทำหนังสือไปยังบริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด เนื้อความโดยสรุปคือ จากกรณีที่ มีการปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ. การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 โดยฉบับล่าสุดมีผลใช้บังคับ เมื่อ 26 พ.ค. 2562  มีหลักเกณฑ์ใหม่เข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ตามมาตรา 59/1 และ 59/2 กพท. พิจารณาแล้วพบว่า ทั้งของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ อยู่ในพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ บริเวณใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิ และอาจจะมีการดำเนินกิจกรรมซึ่งอาจอยู่ในข่ายของการห้ามดำเนินการตามมาตรา 59/1 และ 59/2 กพท.จึงขอให้ บริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด ดำเนินการประเมินความเสี่ยงของการดำเนินงานต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการห้ามดังกล่าว และเสนอมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดความเสี่ยงที่ได้จากการประเมิน ทั้งนี้อาจจะทำในรูปแบบการประเมินผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินอากาศและจัดส่งรายการดังกล่าวให้ กพท. พิจารณาภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ระบุในหนังสือ

           แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญด้านการบินจากทอท.กล่าวว่าหนังสือดังกล่าวสรุปได้ว่า กพท.ยืนยันว่า โครงการเซ็นทรัลวิลเลจนั้นกระทบต่อความปลอดภัยทางการบิน มีความเสี่ยงที่จะถูกแทรกแซง โดยมิชอบด้วยกฎหมายอากาศยาน แม้จะเป็นระดับต่ำก็ไม่ควรมี ย่อมจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และประเทศไทย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับท่าอากาศยานนานาชาติ เป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น แม้แต่ 1%

           “การที่ กพท. ทำหนังสือให้ ซีพีเอ็น วิลเลจ จัดทำรายงานผลกระทบความปลอดภัยในการเดินอากาศ เพื่อประเมินความเสี่ยง และบริหารจัดการ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ส่งให้ กพท.ให้ความเห็นชอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่  เนื่องจาก ซีพีเอ็น วิลเลจ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านมาตรการความปลอดภัยการเดินอากาศ และเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ทั้งที่ กพท.ในฐานะผู้กำกับมาตรฐานความปลอดภัยการเดินอากาศ ควรจะเชิญทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันเป็นคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา และกำหนดแนวทางให้ ซีพีเอ็น วิลเลจ เป็นผู้ปฏิบัติ ไม่ใช้ให้ ซีพีเอ็น วิลเลจ จัดทำมาตรการ และผลกระทบด้วยตนเอง  เนื่องจาก ซีพีเอ็น วิลเลจ เป็นผู้ก่อให้เกิดผลกระทบ และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อยู่ในขณะนี้” แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญด้านการบินกล่าว

​           แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำนักงานการบินพลเรือน ยังไม่ได้บอกว่า ความเสี่ยงระดับต่ำ คือ ความเสี่ยงระดับใด คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ และ ความเสี่ยงระดับต่ำนั้น เป็นความเสี่ยงที่องค์กรการบินนานาชาติ ยอมรับได้หรือไม่ การที่ กพท. แนะนำให้ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อบรรเทาความเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซง เป็นข้อแนะนำที่มีความจริงจังมากน้อยเพียงใด จะต้องทำมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านใดบ้าง  เพราะในหนังสือของกพท. ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น คือ ความเสี่ยงด้านใดบ้าง  โอกาสที่จะถูกแทรกแซงด้านใดบ้าง

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net