“คลัง” สั่งสรรพสามิตหาช่องรีดเงินรถอีวี
12 ก.ย.2562 นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมสรรพสามิต ว่า ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิตพิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และการบริหารจัดการแบตเตอรี่ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์อีวี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล โดยให้มุ่งเน้นเรื่องการใช้ภาษีที่เกี่ยวข้องในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ดูแลสิ่งแวดล้อม ให้มีการจัดโครงสร้างภาษีให้เหมาะสม โดยการตั้งกองทุนดังกล่าวอาจจะออกมาในรูปของกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
ทั้งนี้ วงเงินกองทุนจะพิจารณาเก็บจากผู้นำเข้ารถยนต์อีวีที่ปัจจุบันมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยเงินกองทุนจะใช้ในการส่งเสริมนวัตกรรม พัฒนาบุคคลากร พัฒนาเทคโนโลยี และดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนในการบริหารจัดการแบตเตอรี่ที่หมดอายุ ส่วนจะจัดเก็บจากผู้นำเข้ารถยนต์อีวีเท่าไหร่ยังไม่ได้มีการกำหนด
นายอุตตม กล่าวว่า กรมสรรพสามิตยังมีแนวคิดในการเปิดพิกัดอัตราภาษีใหม่เพื่อจัดเก็บภาษีจากเครื่องดื่มที่มีนวัตกรรม เช่น น้ำเปล่าที่มีการเติมวิตามิน ไม่มีความซ่า มีคุณสมบัติที่เสริมประโยชน์ให้ร่างกาย หรือน้ำผลไม้ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เพราะต้องการส่งเสริมนวัตกรรม โดยอัตราการจัดเก็บจะถูกกว่าอัตราภาษีเครื่องดื่มทั่วไป ที่ปัจจุบันจัดเก็บตามมูลค่าอยู่ที่ 14% บวกด้วยภาษีจากความหวาน
สำหรับการพิจารณาขยายระยะเวลาการขึ้นภาษียาสูบจาก 20% เป็น 40% ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 1 ต.ค. 2563 นั้น ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยขณะนี้ทางกรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมอยู่ ส่วนการเปิดพิกัดเพื่อจัดเก็บภาษีจากกัญชา ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ยังไม่มีการเสนอเข้ามา และมองว่ายังเร็วเกินไป
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า การตั้งกองทุนส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมรถยนต์อีวีฯ มีความจำเป็นอย่างมาก แม้ว่ารถยนต์อีวีจะมีประโยชน์และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้เพิ่มขึ้นมากในอนาคต แต่ก็มีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ที่เมื่อหมดอายุแล้วต้องมีหน่วยงานขึ้นมาบริหารจัดการ เพื่อไม่ให่้ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องเร่งดำเนินการในทันที เพราะหากทำในอนาคตจะไม่ทันต่อสถานการณ์ และจะเก็บย้อนหลังกับรถยนต์อีวีที่นำเข้ามาแล้วไม่ได้
รมช.การคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตพิจารณาถึงความเหมาะสมในการจัดการอัตราภาษียาสูบ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ต้องไม่ให้ขัดกับข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) ด้วย เพราะ WTO กำลังจับตามองประเทศไทยอยู่ ดังนั้นการพิจารณาในส่วนนี้จึงต้องคำนึงถึงรายละเอียดอย่างรอบคอบ
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ภาพรวมการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต ในรอบ 11 เดือนของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค. 61-ส.ค.62) อยู่ที่ 5.84 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 2.1 ล้านบาท หรือ 0.0004% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.95 พันล้านบาท หรือ 0.68% โดยการเก็บภาษีน้ำมัน และยาสูบยังต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่การจัดเก็บภาษีรถยนต์ เบียร์ และสุรา เก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net