สำหรับทำเล ราชดำริ - สารสิน นับเป็นทำเลใจกลาง CBD ที่ไม่เพียงแต่การเป็นศูนย์กลางเมืองทั้งในด้านการเดินทาง แหล่งงาน ธุรกิจ การค้าและบริการเท่านั้น แต่ยังมีข้อได้เปรียบที่ไม่สามารถมองหาในทำเลอื่นได้ง่ายๆ นั่นก็คือการโอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ อย่าง สวนลุมพินี และ ราชกรีฑาสโมสร

            นอกจากแวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวแล้ว สังเกตุได้ว่า “ราชดำริ-สารสิน” เป็นเพียงทำเลเดียวที่ล้อมรอบด้วยสิ่งแวดล้อมคุณภาพระดับ 5 ดาว ไม่ว่าจะเป็นสถานทูต, ศูนย์การค้าชั้นนำระดับประเทศ, โรงแรมระดับ 5 ดาว เรียกได้ว่าคุณสมบัติของทำเลนี้เป็น Ultimate Luxury Location ได้แบบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม

ใกล้ สยาม Lifestyle Center ตลอดกาลของคนกรุงเทพ

            ถึงแม้จะมีศูนย์การค้าใหม่ๆเกิดขึ้นแค่ไหน ก็ยังไม่เห็นว่าจะมาแย่งชิงตำแหน่ง Lifestyle Center ยอดนิยมของคนกรุงเทพจาก สยาม ไปได้ เนื่องจากสยามมีการกระจุกตัวของศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์ที่มีเยอะและมีความหลากหลาย มาที่เดียวแล้วจบไม่ต้องไปที่อื่นต่อ ตั้งแต่ MBK center, Siam Discovery, Siam One, Siam Square, Siam center, Siam Paragon, Central World,Gaysorn Village ตลอดจนถึง Central Chidlom และ Sindhorn Village ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เหมาะกับทุก Generations ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ รองรับกลุ่มคนแทบทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นมาเที่ยวคนเดียว  มากับแฟน มากับเพื่อน และมากับครอบครัว

ใกล้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันระดับอุดมศึกษาที่ผู้ปกครองล้วนอยากส่งลูกหลานเข้าเรียน

            แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็อยากให้ลูกหลานได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมดีๆ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอง  ก็เป็นเป้าหมายที่ผู้ปกครองต่างพยายามเคี่ยวเข็ญให้ลูกหลานสามารถพิชิตเป้าหมายให้ได้ จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไรที่ต้องบอกกันตามตรงว่า จะพบเห็นนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มาจากครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ อย่างที่เราจะเห็นว่าคอนโดมิเนียมรอบรั้วจุฬาฯ ล้วนเปิดตัวมาด้วยราคาไม่ธรรมดา แต่ก็ยังเห็นผู้ปกครองซื้อเก็บไว้เพื่อให้บุตรหลานได้อยู่อาศัยใกล้ๆ เดินทางได้สะดวกนั่นเอง

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ใกล้พื้นทีสีเขียวขนาดใหญ่ สวนลุมพินี และ ราชกรีฑาสโมสร

            ต้องบอกว่าในกรุงเทพฯ ปัจจุบันนี้ วิวสวนใหญ่นั้นกลายเป็นที่ต้องการมากกว่าวิวตึกสูงเสียแล้ว เนื่องจากกรุงเทพมีพื้นที่สีเขียวที่ค่อนข้างจำกัด และในตอนนี้ที่ดินที่ติดพื้นที่สวนขนาดใหญ่ก็มีราคาสูงไปหมดแล้ว และสำหรับ สวนลุมพินี และ ราชกรีฑาสโมสร ก็นับเป็นทำเลที่ผู้ประกอบการต่างแย่งชิงเพื่อได้มันมา เพราะนอกจากจะเป็นทำเลที่มีสวน ‘ใหญ่’ ยังมีความเป็น ‘ผู้ดี’ และยังมีที่ตั้งใจกลางเมือง

ขอบคุณภาพต้นฉบับจาก - http://www.facebook.mig.tattwo

 

โอบล้อมด้วยสถานทูตนานาประเทศ

         คงไม่มีทำเลไหนอีกแล้วในกรุงเทพที่จะมีสถานทูตของประเทศสำคัญกระจุกตัวรวมกันมากขนาดนี้ อาทิ สถานเอกอัครราชทูตอเมริกา, สถานทูตอังกฤษ, สถานทูตญี่ปุ่น และสถานทูตออสเตรเลีย ซึ่งทำให้ความเป็น Ultimate Luxury Location และมูลค่าเชิงคุณค่าของทำเลนี้ยิ่งทวีมากขึ้นไปอีก 

สังคมที่อยู่อาศัยระดับ Super Luxury การันตีจากราคาที่ดินที่พุ่งขึ้นทุกปี

            ถ้ามองทำเลราชดำรินี้เป็นสงครามหรือสมรภูมิรบ คงต้องบอกว่าเป็นสมรภูมิที่มีความโชกโชนและกรำศึกมาแล้วหลายครั้ง เพราะในทำเลราชดำริ-วิทยุ-หลังสวน ล้วนมีการฟาดฟันประมูลซื้อที่ดินจากหลายผู้ประกอบการมาหลายครั้ง ทั้งยังทุบสถิติราคาที่สูงที่สูงได้ทุกครั้งไป ตั้งแต่ปี 2006 ที่เสนอราคาซื้อขายกันที่ 950,000 บาท/ตร.วา จนถึงปี 2017 ที่พุ่งสูงขึ้นถึง 3,100,000 บาท/ตร.วา

            ทำให้ที่อยู่อาศัยที่ถูกพัฒนาขึ้นมา กลายเป็นที่อยู่อาศัยในระดับ Super Luxury และ Ultimate Luxury สมศักดิ์ศรีราคาที่ดินที่ประมูลมา เหตุผลที่ราคาที่ดินในย่านนี้สามารถสร้างสถิติแพงที่สุดได้ตลอด นั่นก็เพราะว่าแทบไม่มีที่ดินแบบ Freehold ให้ได้ครอบครองกันแล้วนั่นเอง

ทำไมต้องเลือก Freehold ที่ราชดำริ?

            ขึ้นชื่อว่าเป็น Ultimate Luxury Location แห่งกรุงเทพมหานคร ต่างก็เป็นที่หมายปองของใครหลายๆคนที่อยากจะอยู่ในทำเลนี้ ซึ่งแน่นอนว่าความ Exclusive ที่ถูกจำกัดไว้ด้วยราคาที่สูงระดับ Super Luxury และจำนวนยูนิตที่น้อยเพื่อสงวนไว้ให้กับผู้อยู่อาศัยจริง ยิ่งทำให้ทำเลราชดำริเป็น Rare Item ที่หาทำเลใดมาเทียบได้ยากนัก

            แม้จะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นในทำเลราชดำริอยู่บ้าง แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางที่ดินของทำเลนี้ เราจึงต้องแยกคอนโดมิเนียมออกเป็น 2 ประเภทคือ

            คอนโดมิเนียม Leasehold หรือ คอนโดมิเนียมแบบสิทธิการเช่า ซึ่งเราจะได้ครอบครองสิทธิ์เป็นระยะเวลา 30 ปี หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน ซึ่งคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในราชดำริ มักจะเป็นแบบ Leasehold เสียเป็นส่วนใหญ่

            คอนโดมิเนียม Freehold หรือคอนโดมิเนียมแบบขายขาด คือการซื้อขายคอนโดมิเนียมแบบทั่วไป แต่ด้วยข้อจำกัดของที่ดินในทำเลนี้ที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำให้นอกจากคอนโดฯ Freehold หายากแล้วยังมีราคาสูงอีกด้วย

            นอกจากจะต่างเรื่องสิทธิการครอบครองแล้ว ส่วนใหญ่โครงการ Leasehold จะมีราคาที่ต่ำกว่าโครงการ Freehold อยู่ประมาณ 15-20% เนื่องจากเราไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินนั้นตลอดไป แต่ทั้งนี้หากมองถึงเรื่องมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว โครงการ Freehold จะสามารถทำกำไรได้มากกว่า และยิ่งอยู่บน Prime area อย่างราชดำริด้วยแล้ว อัตราการเพิ่มขึ้นของราคา (Capital Gain) อยู่ที่ประมาณ 6-10% ต่อปี ในขณะที่โครงการ Leasehold อยู่ที่ประมาณ 3-5% เนื่องจากยิ่งใกล้หมดสิทธิการครอบครองแล้ว ราคาจะเริ่มคงที่

            กราฟด้านล่างที่เปรียบเทียบให้เห็นการเพิ่มขึ้นของราคาเฉลี่ยโครงการ Freehold และ Leasehold ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดในปี 2007 ทั้งหมด จะพบว่าในช่วง 4-5 ปีแรกยังมีการเพิ่มขึ้นของราคาในอัตราที่ใกล้เคียงกัน แต่หลังจากนั้นโครงการ Leasehold จะเริ่มมีราคาที่คงที่ ขยับขึ้นเล็กน้อย

            แต่ทั้งนี้โครงการทั้ง 2 แบบก็เหมาะกับคนที่ไลฟ์สไตล์ต่างกันไป โครงการ Leasehold ก็จะเหมาะกับคนโสด ไม่ได้ต้องการเก็บคอนโดฯไว้เป็นทรัพย์สินมรดก แต่หากใครที่มองหาคอนโดฯไว้เป็นทรัพย์สินที่สามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคต หรือต้องการส่งต่อเป็นมรดก ก็ควรจะเป็นโครงการ Freehold ที่สามารถถือครองไว้อย่างยาวนานได้

The Private Residence Rajdamri คอนโดฯ Freehold ที่อยู่ท่ามกลางคอนโดฯ Leasehold

            โครงการ The Private Residence Rajdamri เป็นคอนโดมิเนียม Freehold สูง 8 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนสารสิน ซึ่งเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูง แม้จะเป็นคอนโดมิเนียม แต่ตัวโครงการก็ออกแบบให้คล้ายกับอยู่บ้านใจกลางเมือง ด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ถึง 70-245 ตร.ม. และมีจำนวนห้องเพียง 54 ยูนิตเท่านั้น

            จากชื่อโครงการที่พอจะเดาได้ว่าเป็นโครงการที่ เน้นความ Private สูง เริ่มต้นที่ทำเลกันก่อน แม้จะอยู่ในทำเลราชดำริที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ Luxury ตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น หลายคนอาจจะกังวลว่าใจกลางเมืองจะมีแต่ความวุ่นวาย แต่จริงๆแล้วตัวโครงการจะอยู่ในถนนสารสิน ซอย 2 ห่างจากสวนลุมพินีประมาณ 150 เมตรเท่านั้น โดยรอบโครงการจะมีแต่ที่อยู่อาศัยไม่เกิน 8 ชั้น ทำให้บริเวณโครงการจะสงบ กว่าโซนถนนใหญ่ เหมาะแก่การอยู่อาศัย

            ภายในโครงการมีจำนวนยูนิตเพียง 54 ยูนิต พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่ไว้รองรับลูกบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Lobby, Mailbox Space, Outdoor Recreation Area, Swimming Pool, Fitness & Stream Room, Rooftop Organic Garden, 24 Hour Security, 24 Hour CCTV

            สำหรับภายในห้อง จะเห็นว่าโครงการ The Private Residence Rajdamri จะเน้นห้องชุดขนาดใหญ่เพื่อรองรับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวหรือสำหรับคนที่ชอบห้องใหญ่เหมือนอยู่บ้าน ขนาดห้องมีตั้งแต่ 70 ตร.ม. ไปจนถึง 245 ตร.ม.

            เริ่มตั้งแต่ประเภท 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ที่มีขนาด 70-88 ตร.ม. เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยคนเดียวแบบสบายๆ เน้นพื้นที่ Living ขนาดใหญ่

            สำหรับ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่มีขนาด 126-163 ตร.ม. เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย 1-2 คน ที่มีแบบห้องให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องหน้ากว้าง เน้น Master Bedroom ขนาดใหญ่, ห้องหน้ากว้างเน้นโซน Living ขนาดใหญ่ (2 แบบ)

            มาถึงห้องแบบสุดท้ายคือ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ซึ่งเป็นแบบห้องที่ใหญ่ที่สุดในโครงการนี้ ซึ่งมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น เน้นการอยู่อาศัยเป็นครอบครัว ภายในแบ่งย่อยไว้เป็นห้องหลายขนาดเพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป

           

            สำหรับโครงการ The Private Residence Rajdamri เป็นโครงการ Super Luxury สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ในราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีโปรโมชันส่วนลดสูงสุด 800,000 บาท และฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ โปรโมชันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น *เงื่อนไข เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สำหรับท่านที่สนใจจะเยี่ยมชมโครงการ ฝ่ายขายโครงการ Sole Agent : CONNEXTION โทร 098 246 5920, 02 642 7629 หรือสามารถลงทะเบียนได้ที่ www.theprivateresidencerajdamri.com