19-พ.ย.62 – ชาญอิสสระ เปิดตัวลักชัวรี่คอนโด “ดิ อิสสระ สาทร” (The Issara Sathorn) มูลค่าโครงการกว่า 2,400 ลบ. ใจกลางเมืองย่านสาทร ภายใต้แนวคิด “ใช้ชีวิตอิสสระ...ให้สุดในทุกด้าน” ชูจุดเด่นการอยู่อาศัยที่ให้ความรู้สึกของคำว่าบ้าน ที่ผสมผสานความเป็นเมือง และความเป็นธรรมชาติอย่างกลมกลืน กับวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาและบางกะเจ้า
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันนี้ว่า คอนโดมิเนียมที่มีทำเลอยู่ในย่านกลางเมืองและชานเมืองยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ยังมีความต้องการหาสินค้าที่มีคุณภาพมาตอบโจทย์การอยู่อาศัย ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองที่มองหาคอนโดมิเนียมในย่านกลางเมือง พร้อมต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย ล่าสุดชาญอิสสระ ได้เปิดตัวลักชัวรี่คอนโด “ดิ อิสสระ สาทร” (The Issara Sathorn) บนทำเลย่านถนนจันทน์-สาทร ถนนสายแห่งมนต์เสน่ห์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมนต์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญๆ รวมถึงสถานที่ที่รวมแหล่งของอร่อยมากมาย และยังเป็นทำเลอยู่ใกล้ใจกลางเมืองย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร มีการเดินทางที่สะดวกสบาย อีกทั้งยังเป็นโซนที่มีถนนรายล้อม (Grid Road System) ประกอบด้วยทางด่วน รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) รถด่วนพิเศษ (BRT) ร่วมถึงการเดินทางทางเรือ ที่เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางให้เกิดความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสร้างความสะดวกสบายให้กับการใช้ชีวิต ทั้งการพักผ่อน การจับจ่ายซื้อของ สถานศึกษา สถานพยาบาล รวมถึงความสะดวกสบายด้านการเดินทางไปทำงานในย่านสีลม-สาทร อีกด้วยๆ
“กลุ่มลูกค้าของชาญอิสสระ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่จริง เราจึงพิถีพิถันอย่างมากในการพัฒนาโครงการต่างๆ รวมถึงโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ด้วย ตั้งแต่การมองหาทำเลที่ตั้งของโครงการที่มีศักยภาพ มีสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่ดี การคมนาคมที่สะดวก อีกทั้งโลเคชั่นต้องเหมาะสำหรับการได้พักผ่อนจริงๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ที่ ดิ อิสสระ สาทร เราให้พื้นที่ส่วนที่เป็น Facility มากมีการแบ่งพื้นที่ออกมาสำหรับทำโซนต่างๆ ให้ผู้พักอาศัยได้มาใช้พักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นชั้นของสระว่ายน้ำ ที่แบ่งเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ และสระว่ายน้ำระบบน้ำร้อน หรือวารีบำบัด โซน The Sky Gym ที่สามารถออกกำลังกายและมองเห็นวิวโดยรอบโครงการ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อนที่มีอยู่หลายโซน ทั้ง The Park, The Green, The View รวมถึงพื้นที่จอดรถระบบ Auto Parking ซึ่งถือเป็นการลงทุนในสิ่งที่ดีที่สุดที่ต้องการมอบให้กับลูกค้าในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการลดคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้การออกแบบเราเลือกใช้บริษัท A49 ซึ่งมีชื่อเสียงและประสบการณ์ในการออกแบบที่อยู่อาศัยมาอย่างยาวนาน มาออกแบบโครงการให้ตรงตามวิถีการอยู่อาศัยของโลเคชั่นในย่านถนนจันทน์-สาทรแห่งนี้ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ชาญอิสสระ ใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ให้ตรงตามกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มนักลงทุน ได้มีคุณภาพชีวิต และความสะดวกสบายที่ครบครัน” นายสงกรานต์ กล่าว
ทั้งนี้จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ของชาญอิสสระ อาทิ โครงการ ดิ อิสสระ ลาดพร้าว, โครงการต่างๆ ในทิวทะเลเอสเตท ชะอำ-หัวหิน, โรงแรมศรีพันวาภูเก็ต, โครงการบ้านอิสสระ พระราม 9, โครงการอิสสระ เรสซิเดนส์ พระราม 9, โครงการบ้านอิสสระ บางนา, โครงการ อิสสระ คอลเลคชั่นสาทร เป็นต้น ซึ่งจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ที่ผ่านมา รวมถึงการหาทำเลในการพัฒนาโครงการต่างๆ ทำให้มั่นใจว่าโครงการ ดิ อิสสระ สาทร จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ด้านนายเมธินทร์ จันทรอุไร กรรมการบริหาร บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) ผู้ออกแบบโครงการ ดิ อิสสระ สาทร กล่าวถึงแนวคิดในการออกแบบว่า เป็นการผสมผสานอัตลักษณ์ของความเป็นเมืองและธรรมชาติไว้ด้วยกัน การออกแบบจึงมีการกระจายพื้นที่ส่วนกลางสีเขียวไว้ตามส่วนต่างๆ ของอาคารตั้งแต่ทางเข้าของโครงการจนไปถึงชั้นสูงสุดของอาคาร จึงทำให้ผู้อาศัยได้สัมผัสถึงความรู้สึกว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่แท้จริง ขณะที่บริเวณหน้าโครงการจะเน้นพื้นที่สวนสีเขียวขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้ดั้งเดิมอยู่ ที่จะคอยให้ร่มเงาต่อผู้พักอาศัย อีกทั้งยังช่วยสร้างบริบทให้เสมือนว่าตัวอาคารได้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ รวมถึงชั้น 30 ซึ่งเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ ประกอบด้วยสระว่ายน้ำที่ยาวกว่า 22 เมตร ที่เป็นตัวเชื่อมวิวระหว่างฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าหาเมืองกรุงเทพมหานคร และยังมีส่วนของชั้นพื้นที่สีเขียวบริเวณอื่นที่มาพร้อมด้วยกับการนำเสนอโปรมแกรมต่างๆ ให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย อาทิ บริเวณชั้นปลูกผักสวนครัว (The Herb), และ Active Sky บริเวณชั้นดาดฟ้า ที่เป็นส่วนเพิ่มเติมจากการมี Facilities ชั้นพื้นฐาน อาทิ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ เป็นต้น
“จากการสำรวจที่ตั้งโครงการ ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองและธรรมชาติ ทำให้เห็นคาแรคเตอร์ความเป็นเมืองและความเป็นโมโนโทน มีความเป็น grid system ความเป็นสีเขียว สีไม้ ดังนั้นแนวคิดการออกแบบโครงการจึงเบรนออกมาให้เป็น 4 โทน มีการไล่สีของตึกจากโทนสีไม้ ไล่ไปจนถึงสีขาว ทำให้เกิดความเป็นธรรมชาติบริเวณด้านหน้าโครงการ ขณะเดียวกันการออกแบบแต่ละชั้นก็มีคอนเซ็ปต์ความแตกต่างกันออกไป มีการใช้ฟิน (Fin) มาผสมผสานในการออกแบบ เพื่อช่วยในการบังแสงแดด ลดความร้อน อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานด้วย” นายเมธินทร์ กล่าว
ขณะที่ในส่วนของแนวคิดการออกแบบห้องพักอาศัย ได้มีการออกแบบให้มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้ซื้อคอนโดมิเนียมสำหรับอยู่อาศัยจริง โดยต้องการให้ห้องมีความโล่งกว้างสามารถใช้อยู่อาศัยได้จริงทั้งส่วนบุคคลหรืออยู่เป็นครอบครัว มีการแบ่งพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วนและลงตัวในขนาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งในแง่ของความสะดวกสบายและคุ้มค่าของพื้นที่ใช้สอย ซึ่งทุกห้องนอนและห้องนั่งเล่นจะมีหน้าต่างที่ได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอกอย่างเพียงพอตลอดทั้งวัน โดยจากการออกแบบแปลนของอาคารสามารถทำให้ทุกห้องได้รับวิวทัศนียภาพที่สวยงามของสถานที่โดยรอบได้ ระหว่างวิวตึกระฟ้าของกรุงเทพมหานครและวิวธรรมชาติของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาและบางกะเจ้า อีกทั้งในส่วนเรื่องการประหยัดพลังงานทางอาคารได้มีการออกแบบให้มีครีบที่ช่วยกันแดดแนวตั้งที่สามารถช่วยลดความร้อนและแสงที่จะเข้ามาภายในอาคารได้ในบางส่วน โดยที่ไม่บดบังทัศนียภาพนอกอาคาร
ขณะที่นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันตลาดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้นไป ใจกลางเมือง ดีมานด์ ซัพพลาย ในช่วงครึ่งปีนี้พบว่า ผู้พัฒนาโครงการมีความระมัดระวังในการพัฒนาโครงการในกลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้สินค้าที่ออกมาในตลาดนี้มีคุณภาพดีและอยู่ในทำเลที่น่าสนใจจริงๆ โดยมีอุปทานทั้งหมด 93,122 ยูนิต เป็นอุปทานใหม่ในครึ่งปีนี้จำนวน 3,262 ยูนิต ลดลงเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นผลดีเพราะทำให้ห้องชุดที่เปิดใหม่สามารถขายได้เร็วขึ้น สำหรับความต้องการคอนโดมิเนียมในกลุ่มนี้ในปีนี้ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเป็นหลัก
สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในย่านสาทร ในปัจจุบันมีโครงการจำนวนทั้งสิ้น 22,255 หน่วยจากทั้งหมด 48 โครงการ โดยมียอดขายรวม 84% ซึ่งมียอดขายรวมดีกว่ายอดขายรวมของตลาดที่อยู่ที่ 82% ในส่วนของราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้นไป ใจกลางเมืองอยู่ที่ 233,200 บาทต่อตร.ม.ในขณะเดียวกันราคาเฉลี่ยในย่านสาทรอยู่ที่ 214,400 บาทต่อตร.ม. นับเป็นราคาที่น่าสนใจและจับตามองความต้องการคอนโดในย่านนี้มาจากทำเลที่ใกล้เมือง สถานที่ทำงานมีถนนเชื่อมต่อหลายสายสามารถเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ ได้ รวมทั้งยังใกล้สถานศึกษา และใกล้ชุมชนที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเช่น เจริญกรุง สาธุประดิษฐ์ นางลิ้นจี่และเย็นอากาศด้วย
ความน่าสนใจ สำหรับทำเลย่าน สาทร-ถนนจันทน์ นั้นมาจากการผสมผสานความเป็นชุมชนเก่าเข้ากับความสะดวกสบายจากการใกล้แหล่งธุรกิจใจกลางเมือง ในอนาคตใกล้โครงการยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาผ่านอีกด้วย
สำหรับกลยุทธ์การขายของ Nexus ในการกระตุ้นยอดขายโครงการนั้น เนื่องจากทาง Nexus เห็นว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการจะเป็นผู้ซื้ออยู่อาศัยเองมากกว่า 70% และมีกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติอีกบางส่วน ซึ่งการทำการตลาดและการขายสามารถทำกับลูกค้ากลุ่มผู้อยู่อาศัยเองในทำเลนี้ก่อนโดยจะมีห้องราคาพิเศษในวันงานเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกห้องที่สวยในราคาที่ดีที่สุดก่อนใคร จุดขายที่สำคัญของโครงการคือเรื่องของทำเลที่เป็นชุมชนเก่าแต่ในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ บริเวณสาทรและพระราม 4 ได้อย่างง่ายดาย เรื่องของวิวที่ครบโดยมี 2 รูปแบบในโครงการเดียวทั้งวิวที่มองเข้าไปใจกลางเมืองและวิวคุ้งน้ำเจ้าพระยาที่สวยงาม รวมถึงการให้ความสำคัญกับที่จอดรถ ที่มีเพียงพอสำหรับห้องชุดทุกยูนิตในโครงการ และที่สำคัญที่สุดยังเป็นคอนที่โดพัฒนาโดยกลุ่มชาญอิสสระที่จะมั่นใจได้ว่า ทำสินค้าคุณภาพ คิดและใส่ใจเพื่อทำสินค้าให้ตอบรับกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสร้างสรรค์สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ กล่าวว่า สำหรับโครงการ ดิ อิสสระ สาทร เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,400 ลบ. จะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จประมาณปี 2565 ราคาเริ่มต้น 4.88 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 1-2-60 ไร่ บริเวณถนนจันทน์-สาทร มีขนาดพื้นที่ห้องเริ่มต้น 32.75-188 ตร.ม. มีห้องให้เลือกถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ ห้องแบบ 1 ห้องนอน, ห้องแบบ 2 ห้องนอน, ห้องแบบ 3 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ 3-4 ห้องนอน โดยแต่ละรูปแบบได้มีการออกแบบฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยที่สร้างความแตกต่างให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “ใช้ชีวิตอิสสระ...ให้สุดในทุกด้าน” เน้นมุมมองวิวของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้า ที่มีความสงบ และวิวของสังคมเมืองที่มีสีสันสดใส มีชีวิตชีวา
“จุดเด่นของโครงการ ดิ อิสสระ สาทร คือ เราต้องการออกแบบอาคารที่มีการผสมผสานความเป็นเมืองและธรรมชาติเข้าด้วยกันตั้งแต่ micro scale ไปจนถึง macro scale รวมถึงการให้ความสำคัญกับการมีพื้นที่สีเขียวส่วนกลางกระจายตามอยู่ส่วนต่างๆ ของอาคารตั้งแต่บริเวณทางเข้าอาคารจนถึงชั้นสูงสุดของอาคาร มีการออกแบบห้องพักที่ออกแบบมีขนาดและ layout ที่สามารถอยู่อาศัยได้จริง สำหรับทุกๆ ประเภทของครอบครัว โดยทุกห้องพักสามารถได้รับวิวทัศนียภาพอย่างทั่วถึงทั้งในฝั่งที่รับวิวตึกระฟ้าของกรุงเทพมหานครและฝั่งที่รับวิวของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาและบางกะเจ้า และถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการถ่ายเทของอากาศที่ดี มีจำนวนห้องพักไม่มากจนเกินไป ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นเป็นกันเองของลูกบ้านมากกว่าความแออัด ทุกห้องพักมีระเบียงให้ออกไปรับสัมผัสถึงธรรมชาติด้านนอกได้ มีพื้นที่จอดรถยนต์ (conventional + auto parking) 100% ของจำนวนห้องพัก และมีหน้าต่างกระจกสูงพื้นถึงฝ้าเพดาน เพื่อให้ได้แสงธรรมชาติที่มากยิ่งขึ้น” นายดิฐวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้โครงการยังให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเน้นความเป็นเมืองและส่วนพื้นที่สีเขียวนอกเมืองอย่างบางกะเจ้ามาใช้ในการออกแบบตัวอาคาร เชื่อมต่อมายังพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ที่จะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยสะท้อนออกมาจากพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ทั้ง 5 ชั้น ซึ่งประกอบด้วย
ชั้น 1 : Ground
ประกอบไปด้วยโซน The Park, The Lounge ซึ่งเป็นชั้น Lobby โถงส่วนกลางเชื่อมระหว่าง Drop off, Reception, ห้องจดหมาย, โถงลิฟท์, OTW พื้นที่รอรถขณะเรียกจากระบบ Auto Parking โดยชั้นนี้เป็นชั้นที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุด โดยมีสวนของโครงการที่มีพื้นที่พักผ่อนเป็นสนามหญ้ากว้าง มีพื้นที่ของสนามเด็กเล่น นอกจากนั้นยังมีส่วนของบ่อน้ำ ศาลาพักร้อน ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับโครงการแล้วยังช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับการพักผ่อนในโครงการด้วย
ชั้น 2 : Mezzanine
ประกอบไปด้วยโซน Office ของนิติบุคคล และ Store Me เป็นส่วนที่จะบริการพื้นที่เพื่อจัดเก็บอุปกรณ์ หรือสิ่งของส่วนบุคคล มีช่องเก็บของขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ให้เช่า
ชั้น 30 : The Haven
ประกอบไปด้วยโซน The Sky Gym, The Game, The Space, The Water, The Therapy โดยชั้นนี้จะเป็นส่วนชั้น Main Facility ของโครงการประกอบด้วย The Water ส่วนสระว่ายน้ำ ขนาด 5 x 22 เมตร และ The Therapy ที่เป็นสระ Wellness Pool ที่เป็นสระน้ำร้อนวารีบำบัด โดยที่ทั้ง 2 สระมีหัวนวดในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถใช้ในการนวดตัวช่วยผ่อนคลายส่วนต่างๆ ของร่างกาย สระว่ายน้ำได้ถูกวางในแนวยาวของอาคารทำให้สามารถมองเห็นวิวได้ทั้งวิวเมืองและวิวบางกะเจ้า ซึ่งจากบริเวณสระนั้นสามารถเชื่อมไปถึง Deck ที่นั่ง Lounge Chair และสามารถเดินเชื่อมต่อไปบริเวณพื้นที่สนามหญ้าที่เชื่อมต่อกับส่วนของ The Space ที่สามารถใช้ในการจัดงานต่างๆ ในลักษณะ Indoor และ Outdoor ได้นอกจากนี้ยังมีห้อง The Game เพื่อเป็นการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนท์ รวมถึง The Sky Gym ห้องออกกำลังกายลอยฟ้า ที่รวบรวมเครื่องออกกำลังกายที่ทันสมัยมารองรับการให้บริการแก่ลูกบ้าน
ชั้น 34 : The View
เป็นชั้น Facility ที่ติดกับห้องพักของโครงการ จึงนำ Concept Floating Forest มาใช้ในการออกแบบเนื่องจากต้องการให้มีลักษณะสวนป่าที่มีความสงบเหมาะแก่การพักผ่อนต่างๆ ที่ไม่รบกวนกับห้องพักในบริเวณชั้นนี้ ซึ่งลักษณะของพื้นที่ชั้นนี้นั้นจะประกอบไปด้วยที่นั่งแบบต่างๆที่ทำให้เกิดลักษณะของการนั่งและการใช้งานแตกต่างกันไปได้แก่ Pavilion ที่ประกอบด้วยชุดโต๊ะและที่นั่งเหมาะแก่การทำงาน ภายใน Pavilion นั่งหันหน้าเข้าสู่วิวด้านบางกะเจ้า ทำให้ที่นั่งเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนในลักษณะการนั่งหรือนอนดูวิว โดยที่บรรยากาศของสวนในชั้นนี้จะมีพื้นที่สีเขียวเยอะที่สามารถสร้างบรรยากาศร่มรื่นให้กับพื้นที่และยังเป็นตัวช่วยในการสร้างความเป็นส่วนตัวระหว่างห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางอีกด้วย
ชั้น Rooftop1-The Herb
ในชั้นนี้เราจัดให้เป็นแนวคิดแบบ Backyard Herb Garden เพื่อให้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพร ให้ลูกบ้านได้สัมผัสกับธรรมชาติ และศึกษาสมุนไพรไทยชนิดต่างๆ
ชั้น Rooftop 2 จะมี Active Sky & The Horizon เป็นบริเวณพื้นที่ชั้นดาดฟ้า เป็นพื้นที่ของการออกกำลังกาย ประกอบไปด้วย ลู่วิ่งกลับตัว, Box jump, ทางวิ่งขึ้นเนิน การออกแบบพื้นที่ชั้นนี้ออกแบบให้มีสีสันที่ฉูดฉาดเพื่อช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้งานออกกำลังกายมากขึ้นโดยที่ลวดลายต่างๆนั้นจะเป็นลายที่ใช้ในการออกกำลังกายได้จริง ขณะเดียวกันพื้นที่ชั้นนี้ยังเป็นชั้นที่อยู่สูงที่สุดทำให้สามารถเห็นวิวได้สวยงามมากที่สุด ดังนั้นจึงได้ออกแบบให้มีส่วนของพื้นที่นั่งพักผ่อนดูวิวที่ชั้นนี้อีกด้วยโดยมีลักษณะของที่นั่งเป็น Amphitheater นั่งดูวิวบางกะเจ้าและที่นั่งที่เป็น Net Hammock ดูยื่นออกไปนอกอาคารอีกด้วย ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองวิวได้ 360 องศา ดังนั้นจากการออกแบบโครงสร้างและพื้นที่การใช้สอยของโครงการที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นส่วนช่วยเติมเต็มความสุข และไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามในส่วนของการเปิดพรีเซล (Pre – Sale) โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ได้เตรียมจัดงาน VIP Day ขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พ.ย.62 ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. ณ ร้าน Greyhound café ถนนนางลิ้นจี่ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 เมื่อจองโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ภายในงานเท่านั้นจะมีสิทธิ์ร่วมรับคอนโด ตากอากาศ จากโครงการบลู (blu) ชะอำ-หัวหิน, แพคเกจที่พักสุดหรู โรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน, แพคเกจ ที่พักสุดหรู โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, แพคเกจที่พักสุดหรู โรงแรมบาบาบีช คลับ ภูเก็ต, ส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท และมีส่วนลดสูงสุด 1,000,000 บาท สำหรับผู้จองในวันงาน เมื่อลงทะเบียนผ่าน http://charnissara.com/theissarasathorn และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 40,000 บาท และหากลูกค้าที่จองและทำสัญญาภายในงานรับ iPhone 11 Pro อีกด้วย อีกสิทธิพิเศษสำหรับ Charn Issara Member Card จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 308 2222, Line : @theissarasathorn และ http://charnissara.com/theissarasathorn
ขอบคุณข้อมูลจาก charnissara.com