“สถาพร เอสเตท” เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ บุกตลาดตั้งเป้ายอดขายโต 20%
“สถาพร เอสเตท” เปิดแผนธุรกิจปี 63 เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ บุกตลาดอสังหาฯ ทั้งแนวราบและ คอนโดฯ บนทำเลศักยภาพ มูลค่ากว่า 4,600 ล้านบาท
นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ ได้ยกระดับ กลยุทธ์ในการบุกตลาดอสังหาฯ แบ่งเป็นแนวสูง 33% แนวราบ 67% โดยเตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่า 4,600 ล้านบาท
ซึ่งแนวราบ จะเน้นศักยภาพของทำเลในอนาคต ติดถนนเส้นหลัก และใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน โดยปีนี้จะเปิด 2 โครงการ คือ
- อิเธอร์นิตี้ ทาวน์ พริมโรส วัชรพล (Eternity Town Primrose Vacharaphol) ทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 86 ยูนิต มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท ออกแบบสเรียบหรู สไตล์อังกฤษ ราคาเริ่ม 39-9 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลล์ 26 ก.พ. 63
- ดิ อิเธอร์นิตี้ กรีนวู้ด รังสิต-วงแหวน (The Eternity Greenwood Rangsit-Wongwaen) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 345 ยูนิต บนพื้นที่ 99 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,160 ล้านบาท ติดถนนใหญ่รังสิต-นครนายก ใกล้ทางด่วนศรีรัช - วงแหวนตะวันออก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) เตรียมเปิดตัว Q3/63 ราคาเริ่มต้น 5-9 ล้านบาท
สำหรับแนวสูง จะเน้นทำเล CBD ของกรุงเทพฯ ใกล้ BTS-MRT โดยปีนี้จะเปิด 1โครงการ คือ
- The Crown Rama 4 (เดอะ คราวน์ พระราม4) คอนโดฯไฮไรซ์ สูง 34 ชั้น จำนวน 183 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,920 ล้านบาท บนทำเลติดถนนพระราม 4 ห่างจาก MRT ลุมพินี 450 ม.,MRT คลองเตย 300 ม. เตรียมเปิดตัว Q4/63 ห้องขนาดตั้งแต่ 30-100 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นราว 6-25 ล้านบาท (เฉลี่ย 200,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นไป)
ทั้งนี้ในปี 63 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดพรีเซลล์ ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ 20% โดยเป็นยอดขายจาก คอนโดฯ65% และแนวราบ 35% ทั้งนี้บริษัทฯยังเน้นพัฒนาสินค้า โดยร่วมกับพันธมิตร อย่างบริษัท แทนเดม อาร์คิเท็ค(2001) จำกัด,บริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อมอาศรมศิลป์ จำกัด และ บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยตอบสนอง Customer Unmet Needs
ส่วนโครงการ “เดอะ เชดด์ สาทร 1” (The SHADE Sathon 1) คอนโดฯโลว์ไรซ์ 8 ชั้น ปัจจุบันทำยอดขายแล้วกว่า 65% เป็นไปตามแผน และกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดตะแล้วเสร็จ พร้อมรับรู้รายได้ช่วง Q1/64
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 63 คาดว่า การเปิดตัวโครงการใหม่จะลดลงราว 10% ตามคาดการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ โดยกลุ่มคอนโดฯจะลดลงกว่า 15% ส่วนแนวราบจะลดลง ราว 2-3% ซึ่งทำเลแนวรถไฟฟ้าจะเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง เพราะกลุ่มผู้พัฒนาจะใช้ข้อมูลเลือกทำเลเปิดโครงการใหม่ตามโซนที่ลูกค้ามีความต้องการซื้ออยู่จริง โดยเน้นทำเลในอนาคต มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมและใกล้โครงการเมกะโปรเจค ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบเฉพาะ ทำให้การออกแบบแต่ละโครงการ บนทำเลที่แตกต่างกันมีความน่าสนใจ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อได้