สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และมีความกังวลว่าจะมีการปิดเมือง จนเกิด “แพนิคชอปปิ้ง” (Panic Shopping) หรือ การสต็อกอาหารและสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการออกนอกบ้าน ซึ่งในประเทศอื่นก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

 

       น.ส. พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า สนค. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงทั่วประเทศ และสอบถามรายละเอียดจากผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ขอยืนยันว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเกินไป เพราะสินค้าในชีวิตประจำวันมีการผลิตเพียงพอในประเทศ

โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่เก็บราคาที่ทำดัชนีเงินเฟ้อออกสำรวจร้านค้าทั่วประเทศเป็นรอบพิเศษเพิ่มเติม พบว่า สินค้าหลายรายการมีการขาดช่วงบ้าง จากความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมากพร้อม ๆ กัน ทำให้พนักงานไม่สามารถจัดเรียงสินค้าได้ทัน ในขณะที่สต๊อคสินค้ายังคงมีอยู่อย่างเพียงพและราคายังอยู่ในระดับปกติ โดยสินค้าที่ประชาชนมีความต้องการเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติแยกเป็น 3 กลุ่ม คือ

อาหารสดและเครื่องปรุง  มีการปรับพฤติกรรมจากเดิมซื้อพอใช้ไม่กี่มื้อ เป็นซื้อคราวละมากๆ เพื่อลดการออกนอกบ้าน ทำให้ร้านค้าปรับตัวไม่ทัน

อาหารสำเร็จรูป มีการสำรองสินค้าเพื่อไว้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน (Food Security) ซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่อประชาชนเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากประชาชนได้สำรองสินค้าเหล่านี้ในระดับที่พอใจแล้วก็คงกลับเข้าสู่พฤติกรรมปกติ

ของใช้จำเป็น สินค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ ดังนั้น เมื่อมีการปรับระบบการผลิตและการบริหารจัดการให้เหมาะสมก็จะเพียงพอต่อความต้องการในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับเจลและแอลกอฮอล์ ที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการนั้น เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเพราะสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าที่ไทยผลิตได้เอง อีกทั้งภาครัฐก็ได้ผ่อนปรนระเบียบต่างๆ ให้สามารถนำแอลกอฮอล์ส่วนเกินที่ใช้ในภาคพลังงานมาใช้ในการผลิตสินค้าเหล่านี้ได้มากขึ้น เชื่อว่าจะมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน

 

        ทั้งนี้ยังได้สอบถามข้อมูลโดยตรงกับผู้ผลิตกลุ่มสินค้าอาหารสำเร็จรูปและของใช้จำเป็น โดยพบว่า ความสามารถในการผลิตสินค้าเหล่านี้ยังเป็นปกติและมีวัตถุดิบอย่างเพียงพอสำหรับการอุปโภคและบริโภคในประเทศ สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) ของสินค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากำลังการผลิตที่สามารถทำได้ (เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 50-68) ในขณะที่สินค้าหลายรายการเริ่มผลิตเต็มกำลัง 100% เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการแล้ว สำหรับข้อมูลด้านราคายังอยู่ระหว่างการสำรวจและประมวลผล ซึ่งจะรายงานให้ประชาชนทราบต่อไป

“จากข้อมูลที่ได้รับ ขอยืนยันว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกและกังวลเรื่องอาหารและของใช้จำเป็นขาดแคลน โดยในช่วงนี้อาจไม่มีวางขายบ้างหรือหมดเร็ว แต่ก็จะเป็นเพียงในระยะสั้น ส่วนสินค้ากลุ่มทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค กลุ่มผู้ผลิตกำลังเร่งให้ผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการได้ในไม่ช้า ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์ของสินค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หากมีความจำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่มเติม ก็จะรีบดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน”

 

ข้อมูลจาก : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)