ออมสิน อัดฉีดเงินกู้ซอฟท์โลน 150,000 ล้านบาท จับมือ แบงก์พาณิชย์-แบงก์รัฐ ประคองผู้ประกอบการไทยถูกพิษโควิด-19 จัดลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ออนไลน์ ผ่าน VDO Conference

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19

ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนโดยรวม ขณะที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ซึ่งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของเชื้อ Covid-19 โดยกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินเร่งดำเนินการเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินโครงการรวม 150,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อ Covid-19 ภายในวงเงิน 135,000 ล้านบาท

และให้ธนาคารออมสินให้สินเชื่อโดยตรงในวงเงินอีก 15,000 ล้านบาท วงเงินกู้รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563



“คาดว่าโครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีเงินหมุนเวียนดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่น้อยกว่า 7,500 ราย และจากเครือข่ายสาขาของสถาบันการเงินทุกแห่งเข้าร่วมโครงการ จะช่วยให้เม็ดเงินจากโครงการนี้เข้าถึงลูกค้าและระบบเศรษฐกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการผ่อนคลายความกังวล มีความเข้มแข็งที่จะดำเนินกิจการภายใต้ความกดดันของพิษภัยจากเชื้อไวรัสโคโรน่า Covid-19 นี้ได้” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธนาคารออมสินยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการ

สำหรับลูกค้ารายใหม่และลูกค้าเดิมของธนาคารออมสินสามารถขอสินเชื่อประชารัฐสร้างไทย หรือ สินเชื่อ GSB SMEs Extra Liquidity ก็ได้ อีกทั้งยังมีมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

โดยคาดว่าจะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการยังคงมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และพลิกฟื้นธุรกิจได้ต่อไป