เปิดเส้นทาง หน้ากากอนามัย-ชุดป้องกันโรค ที่ “แจ็ค หม่า” มอบให้ไทย ตอนนี้อยู่ที่ไหนบ้าง
หลังจากที่ “แจ็ค หม่า” ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา และผู้ก่อตั้งมูลนิธิแจ็ค หม่า (Jack Ma Foundation) และมูลนิธิอาลีบาบา (Alibaba Foundation) ได้แสดงน้ำใจในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด ด้วยการบริจาคหน้ากากอนามัย 2ล้านชิ้น ชุดทดสอบ 150,000 ชุด และชุดป้องกัน 20,000 ชุด ให้ 4 ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ซึ่งที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาระบุว่า ไทยจะได้รับหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งจากมูลนิธิแจ็ค หม่าจำนวน 5 แสนชิ้น หน้ากาก N95 อีก 5 หมื่นชิ้น และชุดป้องกันโรคอีก 2 หมื่นชิ้น พร้อมกล่าวขอบคุณน้ำใจของมูลนิธิแจ็ค หม่า และมูลนิธิอาลีบาบา
โดยวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า มูลนิธิด้านกุศลของจีนช่วยเหลือไทยต่อสู้กับโรคระบาด เพื่อเป็นการสนับสนุนประเทศไทยในการรับมือกับโรคโควิด-19 มูลนิธิด้านกุศลของจีนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ภายใต้การประสานงานของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย มูลนิธิแจ็ก หม่า (Jack Ma Foundation) และมูลนิธิอาลีบาบา(Alibaba Foundation) บริจาคเวชภัณฑ์ให้กับฝ่ายไทย รวมทั้งหน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อโรค เป็นต้น ซึ่งเวชภัณฑ์ได้ส่งถึงกรุงเทพฯแล้ว ในวันดังกล่าว
ผ่านมาแล้วกว่า 5 วันที่หน้าการอนามัย จากการบริจาคของ “แจ็ค หม่า” มาอยู่ที่ไทย ซึ่งคนในวงการแพทย์หลายคน รวมถึงประชาชนก็ตั้งคำถามว่า แล้วหน้ากากที่ได้รับบริจาคมา ตอนนี้อยู่ที่ไหนบ้าง? ทำไมถึงยังไม่แจกจ่ายให้รพ.ที่ต้องการอยู่ในขณะนี้
ทำให้ในวันนี้ (30 มี.ค.63) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ หมอตี๋ สาธิต ปิตุเตชะ โดยระบุว่า
Q: มีคำถาม จากน้องจ่า ดราม่า แอดดิค ว่าของที่รับบริจาคจาก แจ็ค หม่า อยู่ที่ไหน ไม่นำมาแจกจ่ายให้ ตาม รพ.ที่ต้องการอยู่ในขณะนี้
A: วันนี้ท่านรองนายกนำไปมอบให้ รพ.รามาธิบดีจักกรีนฤบดินทร์ และพรุ่งนี้กำลังจะลำเลียงไปที่ รพ. ศิริราช รพ.จุฬา และ รพ.3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจาก ร.พ.เหล่านี้มีเคสผู้ป่วยจำนวนมาก และใน 3 จ.ชายแดนภาคใต้ มีผู้ติดเชื้อ โควิด 19 จำนวนมาก และก็จะกระจายไปตาม รพ.ต่างๆ ตามความจำเป็นต่อไปครับ
ที่เสียเวลาอยู่ วันสองวันเนื่องจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จำเป็นต้องตรวจสอบคุณภาพของทั้งหมด ว่าอยู่ในมาตรฐานที่จะนำไปใช้ กับหมอพยาบาล ที่ต้องปลอดภัย 100% หรือไม่ โดยจะให้บุคลากรดังกล่าวเสี่ยงไม่ได้ หรือเอาไปให้โดยไม่ตรวจสอบคุณภาพ ไม่ได้ครับ เพราะถ้าไม่ได้มาตรฐานแล้ว หมอ พยาบาล นำไปใช้แล้วผิดพลาด จะเป็นเรื่องใหญ่ ที่กระทรวงสาธารณสุขยอมไม่ได้ครับผม
ขณะที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ระบุว่า หน้ากากอนามัยที่ได้รับบริจาค จากจีน แบ่งเป็น การบริจาคจากรัฐบาลจีน โดยมี หน้ากากอนามัยแบบ Surgical Mask, Testing Kits, N95 Mask และชุด PPE ซึ่งทั้งหมดนี้ได้มีการจัดสรร ไปยังเขตสุขภาพ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตามความต้องการใช้อย่างเหมาะสม
ส่วนหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้รับบริจาค จากอาลีบาบา ขณะนี้เตรียมจัดส่งหน้ากากกันฝุ่นไปให้ทางภาคเหนือ ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ สำหรับชุดป้องกัน จะกระจายตามโรงดรียนแพทย์ อาทิ รพ.ศิริราช 10,000 ชุด รพ.รามาธิบดี 10,000 ชุด และ รพ.จุฬาลงกรณ์ 10,000 ชุด รวมถึง รพ.ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะมีการจัดส่ง 20,000 ชุด พร้อมหน้ากาอนามัยที่ป้องกันเชื้อไวรัสได้ดีให้กับ รพ.ในภาคใต้ ซึ่งขณะนี้มีการระบาดมาก มีความต้องการใช้สูง คาดว่าหน้ากากแลพอุปกรณ์ทั้งหมดจะกระจายไปส่งถึง รพ.ต่างๆ ภายในสัปดาห์นี้ ผ่านการขนส่งจากบริษัทไปรษณีย์ไทย
ที่ผ่านมามูลนิธิแจ็ค หม่า (Jack Ma Foundation) และมูลนิธิอาลีบาบา ได้ประกาศบริจาค
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. หม่าประกาศบนบัญชีทวิตเตอร์ที่เพิ่งเปิดใหม่ว่า ได้บริจาคชุดทดสอบไวรัส 500,000 ชุด และหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้นให้กับสหรัฐ หลังจากที่จัดส่งสิ่งของจำเป็นทางการแพทย์เหล่านี้ให้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลีอิหร่านและสเปนไปแล้ว
ต่อมาวันที่ 21 มี.ค. มูลนิธิอาลีบาบาของหม่า ระบุว่า จะจัดส่งเวชภัณฑ์คือหน้ากากอนามัย 1.8 ล้านชิ้น ชุดตรวจสอบหาเชื้อไวรัส 210,000 ชุด และชุดสวมป้องกันเชื้อไวรัสจำนวน 36,000 ชุด เครื่องช่วยหายใจและเทอร์โมมิเตอร์ไม่ระบุจำนวน ให้แก่ 10 ประเทศ คืออัฟกานิสถาน บังกลาเทศ กัมพูชา ลาว มัลดีฟส์ มองโกเลีย เมียนมา เนปาล ปากีสถาน และศรีลังกา
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. มูลนิธิของหม่า ประกาศบริจาคหน้ากากอนามัย 2 ล้านชิ้น ชุดตรวจทดสอบไวรัส 400,000 ชุด และเครื่องช่วยหายใจ 24 เครื่องให้กับประเทศแถบลาตินอเมริกา ทั้งอาร์เจนตินา บราซิล ชิลี คิวบา เอควาดอร์ สาธารณรัฐโดมินิกัน และเปรู
