Sharing Economy รูปแบบเศรษฐกิจที่ไม่ได้เน้นการเติบโตแบบลุยเดี่ยว แต่ใช้พลังของการแบ่งปันและความร่วมมือ ทำให้เกิดรูปแบบสินค้าและบริการใหม่ที่ตอบรับความต้องการของผู้คนในวงกว้าง


หากพูดถึง Sharing Economy หรือเศรษฐกิจแบ่งปัน อาจมีบางคนไม่รู้จัก แต่ถ้าผมขอลองยกตัวอย่างธุรกิจที่คุ้นหูกันดีอย่าง Grab, Uber, Airbnb, Hubba, Line และ Joox หลายคนคงพอนึกภาพออกใช่ไหมครับ วันนี้ผม ฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัล แบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับเศรษฐกิจแบ่งปันกันให้มากขึ้นเองครับ 

เศรษฐกิจแบ่งปันคืออะไร
หลักการของธุรกิจแนวนี้ คือ การร่วมมือกันทำธุรกิจผ่านสิ่งของหรือบริการของฝ่ายหนึ่งผ่านแพลตฟอร์มของอีกฝ่ายหนึ่ง ยกตัวอย่าง Startup ที่นำแนวคิดนี้มาพัฒนาเป็นธุรกิจจนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศไทย นั่นก็คือ Grab ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มเรียกรถประเภทต่าง ๆ โดยบริษัทไม่ได้มีรถเป็นของตนเอง แต่วางฐานะเป็นตัวกลางในการให้ข้อมูลว่า มีใครที่ต้องการใช้บริการและมีใครที่สามารถให้บริการได้บ้าง ซึ่งการทำธุรกิจลักษณะนี้ได้รับความนิยมมาก ๆ ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู และทุก ๆ คนคุ้นชินกับโลกดิจิทัลมากขึ้นครับ
 
ใครจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจแบ่งปันบ้าง
ก่อนอื่น เราลองมาแยกกลุ่มกันดูครับว่า มีใครที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจแนวนี้บ้าง

กลุ่มแรก คือ ผู้สร้างแพลตฟอร์ม

สิ่งที่กลุ่มนี้จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ คือ การใช้ทรัพยากรที่ตัวเองไม่มี มาสร้างรายได้ เพียงวางระบบให้ดี คิดถึงทั้งฝั่งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ โดยวางจุดยืนของตนเองอย่างเหมาะสม ยกตัวอย่างการส่งของ คุณไม่ต้องไปจ้างพนักงานส่งของมาเป็นพนักงานประจำของคุณซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน แต่คุณสามารถเลือกจ้างคนส่งขอเป็นครั้ง ๆ โดยให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม

 กลุ่มที่สอง คือ ผู้ใช้บริการ

คนกลุ่มนี้จะได้ความหลากหลายที่มากขึ้น พร้อม ๆ กับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ผู้สร้างแพลตฟอร์มเสนอให้ เช่น ถ้าผมจะเดินทางไปท่องเที่ยว แล้วไม่อยากพักโรงแรมเดิม ผมก็เข้าแอปฯ จองโรงแรมที่รวมโรงแรมในพื้นที่นั้น ๆ มาให้ผมแล้ว ทั้งนี้แอปฯ ยังช่วยให้ผมสามารถกรองห้องพักแบบที่ผมอยากได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 4-5 ดาว กำหนดงบ เลือกเฉพาะที่มีระเบียงใหญ่ ๆ มีมื้อเช้าแถมให้ ก็ทำได้ แถมยังได้เก็บแต้มเอาไปแลกเป็นส่วนลดคราวหน้าได้อีก

กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มผู้ให้บริการ

กลุ่มนี้จะคล้าย ๆ กับกลุ่มแรก แต่กลับกันนิดหน่อย คือ มีของที่จะขายแล้ว แต่ไม่มีที่ให้ลง เช่น นายบีเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในย่านนั้น แต่เขาก็อยากให้คนที่อยู่ในพื้นที่อื่นได้ลิ้มลองอาหารของเขาบ้าง แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดสาขาเพิ่มหรือจ้างคนส่งของมาประจำร้าน เขาก็เลยนำร้านไปฝากกับแพลตฟอร์มส่งอาหาร แล้วเมื่อไหร่ที่มีคนสนใจอาหารเขา ทางแพลตฟอร์มก็จะส่งคำสั่งมาที่ร้านเขาว่า เดี๋ยวจะมีคนมารับอาหารเมนูนี้นะ ให้ทำเตรียมไว้ แล้วถึงเวลาก็มีคนมารับ แล้วเอาไปส่ง นายบีก็ขายของได้ โดยที่ไม่ต้องไปแบกรับค่าใช้จ่ายในการขยายสาขา หรือจ้างคนส่งของประจำ

ผมมองว่า เศรษฐกิจแบ่งปันนี้ คือ การถ้อยทีถ้อยอาศัยกันครับ ถ้าจะอิงสุภาษิตสำนวนไทยก็คงจะเป็น “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” แต่เป็นแบบ win-win นะครับ เพราะได้รายได้และประโยชน์ทุกฝ่าย
 

ตัวอย่างเศรษฐกิจแบ่งปันของไทยและต่างประเทศ
ณ ตอนนี้ คนที่ไม่เคยได้ยินชื่อ Grab อาจจะมีน้อย เพราะ Grab ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการเดินทางไปไหนมาไหน แต่อาจจะขับรถไม่ได้ ไม่มีรถ รถซ่อมอยู่ หรือไม่สะดวกขับ เป็นต้น เพียงคุณเข้าแอปฯ เลือกสถานที่ต้นทางปลายทาง ระบบก็จะคำนวณค่าใช้จ่ายให้เบ็ดเสร็จ ตอนที่เรียกรถ เรายังสามารถทราบประวัติคนขับได้อีกด้วย ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ก็ทำให้ผู้ใช้บริการหลาย ๆ คนอุ่นใจ ตอนที่ถึงที่หมายปลายทางก็ยังได้รับใบเสร็จ และสามารถให้คะแนนคนขับตั้งแต่ 1-5 ดาว นอกจากนั้น ยังมีส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้ทั้งฝั่งคนขับและฝั่งคนนั่ง
 
ถ้าจะพูดถึงระดับโลก หากไม่พูดถึง Airbnb ก็คงจะไม่ได้ เพราะเขาวางระบบได้อย่างมีเอกลักษณ์มาก เวลาเราไปพักร้อน สิ่งแรกที่คนนึกถึง คือ โรงแรม แต่ Airbnb ทำให้มุมมองของคนที่มีต่อที่พักเปลี่ยนไป จากโรงแรม นักท่องเที่ยวอาจจะไปพักในเต็นท์ ประภาคาร บ้านต้นไม้ หรือพักบ้านคนอื่น ! ฟังดูน่ากลัว และไม่ปลอดภัยใช่ไหมครับ Airbnb ก็คำนึงถึงข้อนี้ดี เขาเลยสร้างระบบที่คัดกรองเจ้าของบ้าน พร้อมข้อมูลคะแนนเรตติ้งและรีวิว นักท่องเที่ยวจะได้เช็กก่อนกดจองว่า เขาได้พักกับคนที่วางใจได้จริง ๆ
 
สิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจแบ่งปันเกิดขึ้นได้ และประสบความสำเร็จ

ส่วนหนึ่งผมมองว่า ผู้ใช้บริการนี้เป็นตัวแปรหลักเลย เพราะถ้ามีคนให้บริการ มีแพลตฟอร์มดี แต่ไม่มีคนมาใช้ ก็ไม่สามารถทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้ แล้วจะทำอย่างไรให้คนมาใช้ดีล่ะ ผมมองว่า เราต้องสร้างความไว้วางใจให้ได้ครับ ทำให้ผู้ใช้บริการรู้สึกว่า ฉันมาใช้แพลตฟอร์มของคุณ ฉันได้อะไรมากกว่าสิ่งที่ฉันเคยทำ อาจจะเป็นการมอบสิทธิพิเศษให้ ความสะดวกสบาย และที่สำคัญคือความไว้วางใจครับ เมื่อไหร่ที่ผู้ใช้บริการมั่นใจในแพลตฟอร์มของคุณ รู้สึกปลอดภัยที่จะใช้แล้ว คุณสามารถทำให้เขาประทับใจในการให้บริการ คุณก็จะได้ลูกค้าเรื่อย ๆ แน่นอนครับ

สำหรับฝั่งแพลตฟอร์มและผู้ให้บริการ ผมมองว่า พวกคุณต้องจับเข่าคุยกันว่า อะไรคือสิ่งที่เหมาะสมกันทั้งสองฝ่าย เพราะอย่างไรก็ดี คุณทั้งสองต้องพึ่งพาอาศัยกันอย่างแน่นอน และเป็นระยะเวลานานด้วย หากทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น การจัดการและวางระบบภายในก็เป็นเรื่องสำคัญนะครับ อย่างการวางระบบทางการเงิน บริการจัดการค่าใช้จ่าย ถ้าใช้เวลาในการดำเนินการนาน ต้องใช้เอกสารหลายอย่าง ผ่านขั้นตอนมากมาย แม้แต่การจ่ายและชำระเงินก็จะกลายเป็นตัวถ่วงธุรกิจได้เช่นกัน สำหรับใครที่สนใจทำเศรษฐกิจแบ่งปัน ผมอยากให้ศึกษาพร้อมเพย์ไว้ เพราะทั้งสองฝ่ายสามารถซื้อขาย โอนชำระออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มนี้อันเดียวไปเลย ทั้งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยด้วยนะครับ สุดท้ายแล้ว หากคุณมีความคิดริเริ่มแล้ว อย่ารอช้า ลองลงมือทำเลยนะครับ
 
Plearn เพลิน by Krungsri GURU และผม ฐากร ปิยะพันธ์ ขอเอาใจช่วยครับ

SOURCE : www.krungsri.com