โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ชี้เทรนด์บ้านหลังที่สอง พัทยามาแรง เชื่อดีมานด์เติบโตสอดรับการใช้ชีวิตยุค “New Normal”
โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ เผยเทรนด์ ตลาดบ้านหลังที่ 2 หรือ บ้านพักตากอากาศ เมืองพัทยาเติบโตสอดรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ “New Normal” คาดจะเป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นในตลาดอสังหาฯ นับจากนี้เห็นได้จากยอดขาย “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” พุ่งสวนกระแสในช่วงโควิดล่าสุดเตรียมข้อเสนอสุดพิเศษ ราคาเริ่มต้นเพียง 7.5 ล้านบาท
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพครบวงจร เปิดเผยถึงแนวโน้มการมีบ้านหลังที่สองหรือบ้านพักตากอากาศ ว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 บวกกับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้น ปัญหาฝุ่น PM2.5 และล่าสุดกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้คนเริ่มตระหนักถึงการมีทำเลสำรอง เพื่อย้ายไปอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่มีความแน่นอน ทำให้ความต้องการซื้อบ้านหลังที่สองหรือบ้านพักตากอากาศ ในแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำอย่าง พัทยา ยังคงเป็น Top Destination ของคนกรุงเทพฯ รวมถึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ บ้านหลังที่สองจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่หลายคนมองหา ไม่เพียงแค่ตัดสินใจซื้อเพื่อพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และการเป็นสินค้าเพื่อการลงทุนเท่านั้น แต่ยังมองถึงการเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่าในสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงของโลก
“ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ธุรกิจต่างๆ ที่จะต้องเตรียมแผนสำรอง แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคทั่วไปด้วยที่ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น การมีบ้านหลังที่สองจึงเป็นการปรับตัวอย่างหนึ่งเพื่อต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน และจะกลายเป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยุคปัจจุบันที่เราต้องเจอกับความเสี่ยงที่มากขึ้นเรื่อยๆ”
ขณะเดียวกันยังมองเห็นดีมานด์ความต้องการบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติด้วย โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัย และมีระบบสาธารณสุขที่ดี ทั้งนี้ จากการรับมือที่ดีในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของประเทศไทย
ทั้งนี้เห็นได้ชัดจากตัวเลขยอดขายในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ของโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ที่มียอดการซื้อขายโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน - พัทยา” เพิ่มขึ้น ด้วยยอดขายสูงถึง 120 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อไม่ใช่เฉพาะกลุ่มนักธุรกิจที่มีเงินเย็นและมีรายได้สูง แต่ยังมีลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เข้ามาซื้อซึ่งเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่อายุน้อย รวมถึงลูกค้าชาวจีนที่สนใจโครงการฯเพิ่มมากขึ้น
สำหรับเมืองพัทยานั้น นับเป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดในช่วง 3 ปี (ปี 2559-2561) และมีอัตราการขายสูง โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ เศรษฐีชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศ สำหรับพักผ่อนและซื้อเพื่อการลงทุน สาเหตุที่ทำให้เมืองพัทยาได้รับความนิยม นอกจากเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแล้ว ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่นการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทางที่สะดวกมากขึ้น ประกอบกับแรงหนุนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ และการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลผลักดันอย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเมกะโปรเจคต์ต่างๆ ที่ภาคเอกชนเข้าไปลงทุนอีกหลายโครงการ ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญที่จะส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยาจะกลับมาได้รับความนิยมของกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซื้อลงทุนสำหรับเป็นบ้านพักตากอากาศหรือเป็นบ้านหลังที่สองเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งในอนาคต
ทั้งนี้ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่พัทยาเพียงแค่ 1 โครงการ จำนวน 319 ยูนิตเท่านั้น เพราะภาพรวมของตลาดคอนโดฯในพัทยายังคงมีอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนหน้านี้เหลือขายอยู่ในตลาดพอสมควร บวกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สำหรับทำเลที่ยังเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ซื้อคอนโดฯตากอากาศในพื้นที่พัทยา คือ พื้นที่วงศ์อมาตย์ เนื่องจากเป็นทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีชายหาดที่ค่อนข้างสวยงาม ส่งผลให้ทำเลย่านดังกล่าวมีอัตราการขายสูงที่สุด และหน่วยเหลือขายเพียงแค่ไม่ถึง 600 ยูนิตเท่านั้น รองลงมาคือ พื้นที่ใจกลางเมืองพัทยา เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการอยู่อาศัย และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่า อีกทำเล คือ ทำเลย่านนาจอมเทียน เนื่องจากทำเลย่านนี่ยังคงความเงียบสงบไม่วุ่นวายเหมือนใจกลางเมืองพัทยา บวบกับแวดล้อมด้วยร้านอาหารชื่อดัง สวนน้ำ รวมถึงแนวเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ทำเลย่านนาจอมเทียนเป็นอีกทำเลที่ได้รับความสนใจทั้งจากกลุ่มผู้ซื้อ เพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ขนาดของคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่พัทยาทั้งหมดพบว่า ห้องชุดขนาดต่ำกว่า 50 ตารางเมตร เป็นช่วงขนาดที่ผู้ประกอบการพัฒนาออกมาในตลาดมากที่สุดประมาณ 84.2% และสามารถขายไปแล้วประมาณ 66.3% แต่พบว่า ห้องชุดขนาดมากกว่า 100 ตารางเมตรขึ้นไปเหลืออุปทานในตลาดเพียงแค่ 1% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายในตลาดเท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมพัฒนาห้องชุดขนาดเล็ก โดยเฉพาะในพื้นที่จอมเทียนส่วนใหญ่เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ ส่งผลให้โครงการคอนโดฯ ที่มีขนาดห้องพักมากกว่า 100 ตารางเมตร เหลือขายอยู่ในตลาดเพียงแค่ประมาณ 610 ยูนิตเท่านั้น และเป็นช่วงขนาดที่มีอัตราการขายที่สูงที่สุด เนื่องจากเป็นขนาดห้องพักที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการอยู่อาศัยที่แท้จริงของคอนโดมิเนียมตากอากาศ
ในส่วนของ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ปัจจุบันมีโครงการเปิดขายในพัทยา คือ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน -พัทยา” เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) ที่พัฒนาไว้สำหรับรองรับกลุ่มกำลังซื้อ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองของครอบครัว หรือมองถึงโอกาสของการลงทุนสร้างมูลค่าในระยะยาว โดยจุดเด่นของโครงการ ตั้งอยู่นาจอมเทียน มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เพราะเป็นทำเลที่เมืองพัทยาผลักดันให้เป็นพื้นที่ตลาดไฮเอนด์ อีกทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นทำให้การเดินทางที่สะดวก ด้วยเส้นทางหลวงพิเศษตัดใหม่เลี่ยงเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุด ทางลงอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว
สำหรับโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน - พัทยา” คอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ (High Rise) สไตล์โมเดิร์น สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ เน้นการออกแบบโดยมอบความเป็นส่วนตัว และความสบายสูงสุดด้วยห้องแบบ Over-Size Unit หรือ ห้องขนาดใหญ่พิเศษ โดดเด่นด้วยตัวอาคารที่มีความโอ่อ่าเรียบหรูชวนหลงใหลแบบ V-Shape เปิดมุมมอง 180 องศา ของวิวทะเลและท่าจอดเรือยอช์ทหรูระดับเวิลด์คลาสขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แลนด์มาร์คสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพัทยา เติมเต็มการพักผ่อนอย่างเหนือระดับกับ ‘Luxury Marinafront Living' รูปแบบการใช้ชีวิตสุนทรีย์ในวันพักผ่อนแนวใหม่สำหรับคนในครอบครัว
ทั้งนี้รูปแบบฮอลิเดย์โฮมสุดหรู 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอน 80 ตร.ม. เริ่มต้น 7.5 ล้านบาท และพิเศษกับห้องตัวอย่างใหม่ ขนาด 2 ห้องนอน 130 ตร.ม. พร้อมตกแต่งฟรีทั้งห้องเหมือนห้องตัวอย่าง พร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีในราคาเพียง 14.9 ล้านบาท พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อรองรับทุกความต้องการสำหรับคนในครอบครัว อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ ล็อบบี้โอ่โถ่ง ที่จอดรถกว้างขวาง พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย และประตูทางเข้าระบบคีย์การ์ด อีกทั้งอุ่นใจด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนกลางและโดยรอบโครงการยังมีพื้นที่กรีนสเปซ (Green Space) ขนาดพื้นที่กว่า 100 ไร่ สไตล์ทรอปิคอล การ์เด้น บรรยากาศเงียบสงบ และความร่มรื่นแบบธรรมชาติที่ทุกคนที่พักอาศัยสามารถสัมผัสได้ เหมาะอย่างมากสำหรับเป็นวันพักผ่อนสำหรับทุกคนในครอบครัว
“มองจากปัจจัยต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง สถานการณ์ของโลกที่ไม่แน่นอน ทำให้เทรนด์การมีบ้านหลังที่สอง
จะกลายเป็น New Normal หรือความปกติใหม่ของการปรับตัวของผู้คนในยุคปัจจุบัน ยุคที่ทุกคนต้องเจอกับความเสี่ยงที่มีมากขึ้น และผมเชื่อว่าจะกลายเป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นในตลาดอสังหา ฯ นับจากนี้ไปอีกด้วย” นายณพงศ์กล่าว
สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ได้ทางเว็บไซต์ www.oceanproperty.co.th
หรือ โทร. 02-038-5011 ติดตามข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่
เฟสบุ๊ค www.facebook.com/OceanProperty
อินสตาแกรม www.instagram.com/oceanproperty
ไลน์ @oceanproperty