วรวรรตส่งไม้ต่อ ดัน “กำพล ปุญโสณี” นั่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เสริมแกร่ง UV
วรวรรตส่งไม้ต่อ ดัน “กำพล ปุญโสณี” นั่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เสริมแกร่ง UV
คณะกรรมการของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ได้มีมติแต่งตั้ง นายกำพล ปุญโสณี ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยนายวรวรรต ศรีสอ้าน ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการชุดย่อยของบริษัท และบริษัทในกลุ่มต่อไป
นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ตนมีความยินดียิ่งที่คุณกำพล ปุญโสณี จะเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ท่านใหม่ของยูนิเวนเจอร์ ซึ่งปัจจุบัน คุณกำพล ยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุนและพัฒนาธุรกิจ ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจและการลงทุน
“ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจและการลงทุนของคุณกำพลจะสามารถนำพายูนิเวนเจอร์ให้เจริญเติบโตและแข็งแกร่งต่อไป โดยในฐานะกรรมการและกรรมการชุดย่อยของบริษัท และบริษัทในกลุ่มยูนิเวนเจอร์ ผมจะให้การสนับสนุนคุณกำพลและคณะผู้บริหารของยูนิเวนเจอร์อย่างเต็มที่ ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามแผนการสร้างความพร้อมทางโครงสร้างการพัฒนาธุรกิจที่จะสร้างความสมดุลของการลงทุนและสัดส่วนการรับรู้รายได้ของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฯ (Balance Investment Portfolio) รวมถึงให้โอกาส และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในกลุ่มบริษัทยูนิเวนเจอร์ ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ถือเอาบุคลากรเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดเสมอมา” นายวรวรรต กล่าว
อนึ่ง ในปีงบประมาณ 2563 ยูนิเวนเจอร์ มีนโยบายหลักในการ Balance Investment Portfolio ของบริษัทฯ เพื่อให้โครงสร้างสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯให้สมดุล โดยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 50% และรายได้จากธุรกิจอื่นๆ คิดเป็นสัดส่วน 50% ในอนาคตอันใกล้ ตามแผนกลยุทธ์สำคัญของยูนิเวนเจอร์ ในด้าน Diversification และ Opportunistic Investment
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งตลอดทั้งภาพรวม เพื่อการพัฒนาองค์กรและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการตามกลยุทธ์องค์กร ทั้ง 5 ส่วน ให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การ “Optimization” ความหลากหลายที่มี เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น “Diversification” ปรับเปลี่ยน ต่อยอดไปสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อผลตอบแทนที่เหมาะสม การมองทั้ง “Supply Chain” เพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งวิเคราะห์และมองหาโอกาสที่ใช่ตลอดทั้งระยะทางบนพื้นฐานที่สำคัญของการเลือกธุรกิจที่จะลงทุน และระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับ “Synergy” ต่อยอดธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “Opportunistic Investment” การขับเคลื่อนโอกาส (Opportunity) และพร้อมที่จะรองรับโอกาสใหม่ๆ ที่เห็นเป็นรูปธรรม พร้อมกับการพิจารณาการลงทุนในธุรกิจใหม่ในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นการปรับ Portfolio การลงทุนให้สมดุล โดยมีสัดส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่น ๆ ตามเป้าหมาย