บจ.หนี้พุ่งสูงสุดรอบ 6 ปี-โควิดสูบสภาพคล่องฝืด
ปัญหาหนี้สิน บจ.พุ่งพรวด สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี โดนพิษโควิด-19 สูบสภาพคล่อง พบ 71 บจ.หนี้มีภาระดอกเบี้ยเกิน 2 เท่า สูงสุด 26.35 เท่า บจ.ใหญ่ติดโผเพียบ แถมพบ 15 บจ.สภาพคล่องเริ่มตึงตัว ตลท.จับตาใกล้ชิด นักวิเคราะห์เตือนระวังลงทุน
*** หนี้ บจ.พุ่งสูงสุดรอบเกือบ 6 ปี
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลังรายงานงบการเงินสิ้นสุดไตรมาส 3/63 พบว่า หนี้สินต่อทุนรวมของ บจ.อยู่ที่เฉลี่ย 3.12 เท่า สูงสุดรอบเกือบ 6 ปี (สิ้นปี 2557 เฉลี่ย 3.19 เท่า )
ทั้งนี้ หากไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน หนี้สินต่อทุนจะอยู่ที่ 1.63 เท่า เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ระดับเพียง 1.35 เท่า ขณะที่ช่วง 6 ปีหลังอยู่ระดับเพียง 1.2-1.4 เท่า
ณ สิ้นไตรมาส 3/63 หมวดธุรกิจไอซีทีมีอัตราหนี้สินต่อทุนรวมสูงสุดถึง 4.22 เท่า รองลงมาคือกลุ่มรับเหมาก่อนสร้างที่ 2.65 เท่า และ ขนส่ง/โลจิสติกส์ที่ 2.63 เท่า
*** พบ 71 บริษัทหนี้มีภาระดอกเบี้ยเกิน 2 เท่า
ขณะเดียวกันเมื่อสำรวจข้อมูลรายบริษัท พบว่ามีถึง 71 บจ.มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้น (IBD/E) เกิน 2 เท่าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 57 บริษัท และ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 13 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ติดโผสูงสุด 10 บริษัท รองลงมาคือธุรกิจพลังงานและไอซีที ที่ 9 บริษัทเท่ากัน โดย 30 บริษัทแรกที่มี IBD/E สูงสุดได้แก่
30 บจ.ที่มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูงสุด |
||
ชื่อย่อหุ้น |
IBD/E เท่า |
ส่วนผู้ถือหุ้น (ลบ.) |
UMS |
26.35 |
20.77 |
JUTHA |
25.37 |
48.78 |
JCKH |
21.83 |
31.11 |
JAS |
13.5 |
6,551.27 |
CHOW |
10.84 |
862.71 |
ACAP |
6.65 |
461.96 |
TRC |
6.31 |
419.28 |
SDC |
5.65 |
611.94 |
JMART |
5.45 |
3,420.78 |
ITD |
5.12 |
12,328.09 |
M-CHAI |
5.02 |
1,359.59 |
CI |
4.89 |
1,573.26 |
DTAC |
4.66 |
24,048.95 |
PPPM |
4.38 |
344.15 |
IRCP |
4.1 |
166.89 |
KKC |
4.06 |
1,146.48 |
STARK |
3.96 |
3,341.84 |
PTG |
3.89 |
7,564.85 |
SAMART |
3.84 |
3,324.43 |
FORTH |
3.75 |
1,111.74 |
ERW |
3.69 |
4,430.61 |
DTC |
3.67 |
3,649.44 |
TTCL |
3.62 |
2,664.21 |
MINT |
3.33 |
73,000.89 |
TRUE |
3.26 |
85,320.43 |
AAV |
3.26 |
15,084.14 |
BC |
3.22 |
836.54 |
BRR |
3.21 |
1,905.26 |
MALEE |
3.19 |
834.03 |
SQ |
3.15 |
2,337.17 |
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูลงบสิ้นสุด ไตรมาส 3/63 IBD/E : คำนวณจาก (รวมหนี้สินหมุนเวียน - เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น + หนี้สินสุทธิจากส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) / ส่วนผู้ถือหุ้น |
ทั้ง 30 บริษัทมี IBD/E เกิน 3 เท่าทั้งสิ้น โดยมีถึง 5 บริษัทที่เกิน 10 เท่า ซึ่ง บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูงสุดถึง 26.35 เท่า เช่นเดียวกับ บมจ.จุฑานาวี (JUTHA) และ บมจ.เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ (JCKH) ที่มี IBD/E ระดับ 25.37 และ 21.83 เท่า ตามลำกับ ซึ่งทั้ง 3 บริษัทส่วนผู้ถือหุ้นลดลงตามผลการดำเนินงานที่ขาดทุนต่อเนื่อง และถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย "C" ทั้งหมด
ขณะที่เมื่อคำนวณจาก IBD/E กับส่วนผู้ถือหุ้นจะพบว่า 3 บริษัทข้างต้นมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยที่ 547.29 ล้านบาท, 1,237.55 ล้านบาท และ 679.13 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) มีมูลค่าหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.78 แสนล้านบาท และ 2.43 แสนล้านบาท ตามลำดับ
หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย = คำนวณจาก (รวมหนี้สินหมุนเวียน - เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น + หนี้สินสุทธิจากส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) / ส่วนผู้ถือหุ้น
*** 15 บจ.สภาพคล่องฝืด
นอกจากนี้พบว่ามี 15 จาก 71 บจ.ในกลุ่มที่มี IBD/E เกิน 2 เท่า เริ่มมีสภาพคล่องตึงตัว โดยพิจาณาจาก อัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) ที่ต่ำกว่า 1 เท่า และ เงินสดจากการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 3/63 ติดลบ ประกอบด้วย
15 บจ.สภาพคล่องต่ำ |
|||
ชื่อย่อหุ้น |
IBD/E (เท่า) |
Interest Coverage Ratio (เท่า) |
เงินสดจากการดำเนินงาน (ลบ.) |
UMS |
26.35 |
-1.21 |
-1.72 |
JAS |
13.5 |
0.34 |
-487.18 |
M-CHAI |
5.02 |
-0.44 |
-259.09 |
CI |
4.89 |
-0.79 |
-607.81 |
IRCP |
4.1 |
0.48 |
-102.72 |
ERW |
3.69 |
-2.34 |
-574.76 |
DTC |
3.67 |
-2 |
-354.35 |
MINT |
3.33 |
-2.1 |
-1,745.24 |
AAV |
3.26 |
-4.63 |
-335.59 |
BC |
3.22 |
-2.12 |
-172.89 |
JCK |
3.08 |
0.07 |
-75.31 |
ESSO |
2.81 |
-38.32 |
-1,168.69 |
GRAND |
2.78 |
-1.31 |
-726.91 |
PLE |
2.72 |
-0.48 |
-271.55 |
CHEWA |
2.44 |
-1.57 |
-282.23 |
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูลงบสิ้นสุด ไตรมาส 3/63 Interest Coverage Ratio : คำนวณจาก กำไร (ขาดทุน) ก่อนต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ / ต้นทุนทางการเงิน |
13 จาก 15 บริษัทข้างต้นผลประกอบการ 9 เดือนปี 63 ขาดทุน มีเพียง บมจ.โรงพยาบาลมหาชัย (M-CHAI) และ บมจ.ชีวาทัย (CHEWA) ที่ยังมีกำไร
ขณะที่มีถึง 12 บริษัทที่ อัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ยติดลบ โดย บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) ติดลบสูงสุดถึง 38.32 เท่า
ด้าน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เงินสดจากการดำเนินงานติดลบสูงสุดระดับ 1,745.24 ล้านบาท
Interest Coverage Ratio : คำนวณจาก กำไร (ขาดทุน) ก่อนต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ / ต้นทุนทางการเงิน ใช้วัดความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ หากมากกว่า 1 เท่าแสดงว่ามีความสามารถชำระดอกเบี้ยได้ทั้งหมด แต่หากต่ำกว่า 1 เท่า แสดงว่าจะชำระดอกเบี้ยได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และหากติดลบ เท่ากับไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้เลย ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินในที่สุด
*** ตลท.จับตา 3 ธุรกิจเสี่ยง
"แมนพงศ์ เสนาณรงค์" รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประเมินว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง บจ.อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นในรอบหลายปี ทั้งนี้ ตลท.ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบตรง อาทิ ธุรกิจด้านการเงิน ซึ่งมีภาระการตั้งสำรองสำหรับหนี้เสียเพิ่มขึ้น และธุรกิจที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น ขนส่งและหมวดท่องเที่ยว/สันทนาการ
ด้าน "กิจพล ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง แนะนำหลีกเลี่ยง
"หุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีปัญหา เป็นช่วงขาลงของธุรกิจ ในแง่พื้นฐานไม่น่าลงทุนอยู่แล้ว ไม่ควรเข้าไปเก็งกำไร แม้บางช่วงราคาจะดีดตัวตามข่าว เพราะความเสี่ยงสูงมาก หลายบริษัทเป็นหุ้นที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเครื่องหมาย C นักลงทุนควรหลีกเลี่ยง เพราะพื้นฐานมีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องหนี้สิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างให้ดูเป็นบทเรียนมาแล้ว ที่หลายบริษัทถูกพักการซื้อขายไป หรือไม่ก็ต้องถูกบังคับเพิ่มทุน" กิจพล ระบุ
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลจากงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อนำเสนอให้นักลงทุนไว้ใช้ประกอบการตัดสินใจ มิได้มีเจตนาชี้นำว่าบริษัทที่อยู่ในเงื่อนไขข้างต้นจะผิดนัดชำระหนี้หรือจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด
SOURCE : www.efinancethai.com