กทม. สั่งปิด 5 กิจการเสี่ยง “โควิด-19” ฝ่าฝืนเจอโทษหนัก
ผู้ว่ากทม. ลงนามคำสั่ง กทม.สั่งปิด 5 กิจการเสี่ยง "โควิด-19" เพิ่ม "อาบอบนวด" พบฝ่าฝืนเจอบทลงโทษหนัก ย้ำคุมเข้ม "โรงหนัง-ร้านเหล้า"
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงนามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 14) มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีการประกาศเรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 8) ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563
โดยขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 และประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตร 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 นั้น
ปัจจุบันพบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ขึ้นในบางเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าวข้างตัน อันเป็นการปกป้องความมั่นคงปลอดภัยทางด้านการสาธารณสุขของประเทศ และป้องกันมีให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นจนมิอาจควบคุมได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35(1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ ศ.2548 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 20/2563 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 จึงให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเป็นการชั่วคราว และกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ดังนี้
1.ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
1.1 สนามม้า
1.2 สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่
1.3 สนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน
1.4 สถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด
1.5.สถานบริการหรือสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ
2.ให้สถานที่ดังต่อไปนี้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค แนบท้ายประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
2.1 โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ
2.2 สถานที่ที่จำหน่ายอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่น โดยจัดให้มีการแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง
ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 2 จะถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว
กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อออกจากที่พักอาศัย เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นข้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่สรารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธาณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2564 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง