พฤกษากางแผนปี 2564 ตั้งเป้า 32,000 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ A Year of Value ส่งมอบคุณค่าอย่างแท้จริง เตรียมดึงธุรกิจสุขภาพสู่โครงการ สร้างชุมชนครบวงจร
พฤกษาเชื่อมั่นตลาดเติบโต ประกาศแผนปี 64 ตั้งเป้ายอดขาย และรายได้ 32,000 ล้านบาท เล็งเปิด 29 โครงการใหม่ มูลค่า 26,630 ล้านบาท ตุนยอดรอรับรู้รายได้ราว 2.2 หมื่นล้าน วางกลยุทธ์ A Year of Value ส่งมอบคุณค่าอย่างเข้าใจ เข้าถึงลูกค้าอย่างแท้จริง เตรียมผสานธุรกิจ Health Care ในโครงการ รออนุมัติจ่ายปันผลรอบปี 63 ที่อัตราหุ้นละ 0.96 บาท
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม ทั้งด้านเศรษฐกิจ ภาคการส่งออกและท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดหาวัคซีนให้ทั่วถึงที่จะเป็นตัวแปรสำคัญ แต่ยังเชื่อมั่นว่าภาพรวมตลาดในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 9 % ตั้งเป้ายอดขาย และรายได้ ปี 2564 ที่ 32,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 45% และ 9% ตามลำดับ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 29 โครงการ มูลค่า 26,630 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 17 โครงการ บ้านเดี่ยว 8 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ “A Year of Value” เข้าใจ เข้าถึงความต้องการลูกค้าในเชิงลึก พร้อมนำเสนอและส่งมอบสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังมีคุณค่าด้านอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลาย เช่น ร้านอาหาร ไลฟ์สไตล์มอลล์ และที่สำคัญคือการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือพฤกษา เปิดศูนย์ดูแลสุขภาพ ประกอบด้วยคลีนิค ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ในโครงการพฤกษา เพื่อสร้างชุมชนให้น่าอยู่และตอบสนองการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างครบวงจร
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 21,968 ล้านบาท รายได้ 29,244 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,771 ล้านบาท เปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า 15,756 ล้าน มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่าสูงถึง 21,940 ล้านบาท โดยสามารถลดสินค้าคงค้างไปได้ถึง (Inventory) 41% จากปลายปี 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 ที่ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาผนวกกับโครงการฮีโร่โปรเจค (Hero Projects) โดยทุ่มงบการตลาดไปยังโครงการที่มีศักยภาพสูง ทำให้รายได้ในไตรมาส 4 มีมูลค่า 9,584 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาส 3 ถึง 51% พร้อมทั้งทำยอดขาย 5,807 ล้านบาท เติบโต 409% เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันในปี 2562
จากความสำเร็จจากไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้ในต้นปีนี้ พฤกษายังคงใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาและโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ปล่อยแคมเปญในไตรมาสแรก “มหกรรมแจกฟรี PRUKSA FREE FEST” มอบสิทธิ อยู่ฟรี นานสูงสุดถึง 36 เดือน หรือ ดอกเบี้ยฟรี 0% สูงสุด 36 เดือน หรือ ฟรี ค่าส่วนกลาง สูงสุดนานถึง 36 เดือน (เงื่อนไขตามที่แต่ละโครงการกำหนด) สำหรับลูกค้าที่จองและโอนที่อยู่อาศัยภายใน 31 มี.ค. นี้เท่านั้น โดยพฤกษาเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ลูกค้าทั้งหมด ซึ่งมีโครงการทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมที่เข้าร่วมแคมเปญทั่วประเทศมากกว่า 1 พันยูนิต มูลค่ารวมอยู่ที่ 3,377 ล้านบาท และเชื่อว่าแคมเปญนี้กระตุ้นการตัดสินใจ และช่วยบรรเทาความกังวลสำหรับคนที่อยากมีบ้านได้ดี ประกอบกับมาตรการรัฐที่ขยายระยะเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ซึ่งถือเป็นกำไรเพิ่มอีกขั้นสำหรับลูกค้า อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากภาครัฐมีการขยายเพดานไปยังบ้านราคา 3-5 ล้านบาทด้วย มาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และช่วยเหลือคนไทยที่อยากมีบ้านได้มากขึ้นไปอีก
สุดท้ายด้วยผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.96 บาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท จึงคงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบนี้ในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2564
นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมุต โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าธุรกิจโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน ว่า “พร้อมเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้ “โดยโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร บนพื้นที่ 4 ไร่ ริมถนนพหลโยธิน ติดสี่แยกสะพานควาย เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ (Tertiary Care) ที่สามารถรักษาโรครุนแรง และซับซ้อนได้ ขนาด 18 ชั้น จำนวน 236 เตียง ออกแบบตามมาตรฐานสากล JCI มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษาได้ตรงจุดด้วยเทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ มีศูนย์เฉพาะทางที่โดดเด่นคือ ศูนย์กระดูก หัวใจ สมอง ศูนย์เบาหวานครบวงจร และจัดตั้ง ศูนย์ผู้สูงอายุ (Geriatric center) เพื่อตอบโจทย์การเป็นสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งให้ความสำคัญกับกลุ่มโรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) ซึ่งมีสถิติการเจ็บป่วยสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว มีแพทย์ประจำครอบครัว (Family Medicine Doctor) ดูแลสมาชิกในครอบครัวแบบองค์รวม มี Transitional care ฟื้นฟูหลังการเจ็บป่วย เพื่อเตรียมผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน รวมทั้งเปิด Nursing Home ในโรงพยาบาล
เพื่อการเติบโตและก้าวหน้าของธุรกิจโรงพยาบาล ล่าสุดโรงพยาบาลวิมุตได้เข้าลงทุนในโรงพยาบาล เทพธารินทร์ ถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงเชี่ยวชาญในด้านโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อมานานกว่า 36 ปี เพื่อรวมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และองค์ความรู้มา พัฒนาศูนย์เบาหวานครบวงจรให้มีความเป็นเลิศ รวมทั้งขยายผล การป้องกัน ดูแลรักษา สู่สังคมให้กว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป