NOBLE โชว์งบปี 63 รายได้รวมโตทุบสถิติเกินเป้า แตะ 10,895 ล้านบาท แจกจ่ายปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น เตรียม XD วันที่ 10 พฤษภาคม นี้
บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ประกาศผลการดำเนินงานปี 2563 รายได้รวมทะลุเป้ามาแตะที่ระดับ 10,895 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,878 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดและโครงการบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจากลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2563 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น ด้านผู้บริหาร “ธงชัย บุศราพันธ์” สั่งลุยเปิดขายโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 45,100 ล้านบาทปีนี้ ตอกย้ำความแข็งแกร่งและสถานะความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทย
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยถึงผลดำเนินงานปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 10,895 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 10,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 1,878 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ 17.2% เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่โดดเด่นโดยทำได้ที่ 38.9% ขณะที่ไตรมาส4/2563 บริษัทฯมีรายได้รวม 3,483 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 640 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้รายได้และผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด และโครงการบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจากลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ โครงการ โนเบิล บี19 สุขุมวิท โครงการโนเบิล อราวน์ สุขุมวิท 33 โครงการนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ โครงการโนเบิล เพลินจิต โครงการโนเบิล บี33 สุขุมวิท และโครงการโนเบิล รีโคล สุขุมวิท 19 เป็นต้น โดยเป็นยอดโอนจากตลาดต่างประเทศไปกว่า 4,600 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2563 จำนวน 5 มูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการภายใต้แบรนด์ “นิว” (NUE) จำนวน 3 โครงการที่เปิดใน ไตรมาส 3 ปี 2563 ได้แก่ โครงการ นิว โนเบิล งามวงศ์วาน โครงการ นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว และโครงการ นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง สามารถทำยอดขายพรีเซลได้ถึง 40% - 60% ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายพรีเซลรวมทุกโครงการทั้งปี 2563 กว่า 6,600 ล้านบาท โดยกว่า 3,200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีและยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ได้อีกด้วย อีกทั้ง บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากตลาดต่างประเทศกว่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ที่สามารถครองความเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 36% ของยอดขายรวมจากทุกผู้ประกอบการในการขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลสำหรับลูกค้าต่างชาติ ในปี 2563 นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอด Backlog ณ สิ้นสุดปี 2563 อยู่ที่ 12,805 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.15 เท่า ซึ่งทำให้บริษัทฯ ยังมีความคล่องตัวในการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินมากขึ้น
พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2563 เพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจะนำเสนอเข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2564 เพื่อทำการอนุมัติ และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 เพื่อกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2564 นั้น ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) กล่าวตอกย้ำว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายอัตราการเติบโตที่ 11,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 45,100 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย (pre-sale) จำนวน 16,000 ล้านบาท เพื่อก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยติดอันดับ TOP 5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า
และล่าสุดได้ บริษัทฯเปิดตัวโครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ (NOBLE FORM THONGLOR ) มูลค่ารวมกว่า 5,400 ล้านบาท พร้อมชูเด่นด้านทำเลศักยภาพใจกลางถนนทองหล่อ ภายใต้แนวคิด “ONE FORM หนึ่งฟอร์ม ของชีวิตที่ได้ทุกสิ่ง” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรายได้จากโครงการดังกล่าวจะทยอยเข้ามาในปี 2567 เป็นต้นไป