ไอเดีย แก้ กม.เปิดทาง “เศรษฐีต่างชาติซื้อบ้าน” ดัน “คนจีน-สิงคโปร์” แห่ซื้อแน่
แนวคิดที่รัฐบาลจะเดินหน้า แก้กฎหมาย เปิดทางให้ “เศรษฐี-นักลงทุนต่างชาติ” ซื้ออสังหาฯ “คอนโดฯ-บ้านแนวราบ” เพื่อดึงเม็ดเงินต่างประเทศเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด หลังจากที่มีข่าวออกมาในช่วงไม่กี่วันนี้ เหล่าผู้พัฒนาในแวดวงอสังหาฯ ต่างก็มีทั้งคนที่ “เห็นด้วย” และ “ไม่เห็นด้วย” กับไอเดียนี้
นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการบริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด หรือ ARE บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ บอกว่า ตนเองนั้นเห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องชั่วคราวเพื่อขยายสิทธิการซื้อคอนโดฯ รวมทั้งปลดล็อกให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านแนวราบได้ เพราะสามารถดึงดูดให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อ พักอาศัย ลงทุนในประเทศไทยได้สะดวกและจูงใจมากขึ้น
“อสังหาฯ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตแบบนี้ ทำให้ช่วยเพิ่มมูลค่า GDP เติบโตได้ถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับการลงทุน” นายไซม่อน ลี กล่าว
การเปิดอนุญาตให้ต่างชาติสามารถซื้ออสังหาฯ ในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 ประมาณ 3-5 ปีเชื่อว่าจะช่วยดึงดูดใจลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ที่ลูกค้าชาวจีน ชาวสิงคโปร์ ส่วนใหญ่มีความต้องการอยากซื้อบ้านฟรีโฮลในไทย เพื่อเป็น “บ้านหลังที่สอง” มากกว่าการซื้อแบบลีสโฮล
“ไอเดียนี้จะช่วยดึงให้ชาวต่างชาติ เข้ามาอาศัยอยู่ในไทย เพื่อให้เม็ดเงินต่างชาติเป็นกำลังซื้อใหม่ เข้ามาช่วยจับจ่ายกระตุ้นกำลังซื้อของธุรกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่าต่างชาติจะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ก็อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อกำหนดของประเทศไทย”
ทั้งนี้การแก้ประมวลกฎหมายที่ดินให้คนต่างด้าวสามารถซื้อบ้านเดี่ยวได้เป็นการทั่วไป ควรเป็นการซื้อในโครงการ “บ้านจัดสรร” เท่านั้น วงเงินการซื้อบ้านระดับราคาประมาณ 10-15 ล้านบาท หรือสามารถตั้งเพดานราคาให้สูงมากกว่าที่กำหนดขึ้นไป เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาที่คนไทยส่วนใหญ่สามารถซื้อได้ รัฐฯ ต้องจัดแนวทางที่ชัดเจน และรัดกุมอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อกำหนดทางภาษี, Visa, ปรับแก้เรื่องกฎระเบียบอำนวยความสะดวกให้อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อกำหนดของประเทศไทย
และที่สำคัญรัฐฯ ต้องหารูปแบบเพื่อมากำหนดเงื่อนไขในการควบคุมดูแลชาวต่างชาติในโครงการบ้านจัดสรรในอนาคต เพื่อป้องกันการซื้อ-ขายเปลี่ยนมือ การปั่นราคาบ้านจนสูงเกินไป และควรจำกัดการซื้อบ้านในโครงการให้มีสัดส่วนที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้รบกวนการอยู่อาศัยของคนไทย รวมถึงการควบคุมให้ต่างชาติซื้อได้เฉพาะบ้านเดี่ยวเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อราคาทาวน์โฮม และบ้านแฝด
ส่วนคอนโดฯ ที่รัฐบาล มีแนวคิดที่จะขยายเพดานให้ต่างชาติเข้าถือครองกรรมสิทธิ์ ถึง 70-80% เพื่อระบายสต๊อกนั้น เชื่อว่าจะเป็นโอกาสดีสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ มีโอกาสในการขายมากขึ้นในคอนโดฯ กลุ่มราคา 3-10 ล้านบาท ในช่วงนี้
แต่คอนโดฯ ราคาสูง ระดับลักชัวรี่ – ซูเปอร์ลักชัวรี่ อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะลูกค้าเศรษฐีต่างชาติ อาจจะหันไปซื้อบ้านแนวราบในระดับราคาที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น ส่วนระบบการดูแลจัดการหลังจากปรับเพิ่มเพดานการถือครองกรรมสิทธิ์ การให้สัดส่วนต่างชาติซื้อคอนโดฯ เกิน 49% ให้มีสิทธิโหวตในการประชุมนิติบุคคลอาหารชุดต่างชาติควรมีสิทธิ์ในการโหวตได้ตามอัตราการครอบครองจริง แต่การโหวตและกำหนดความเห็น ควรปรับข้อกฎหมายบางข้อเท่านั้นที่อนุญาตให้ต่างชาติสามารถโหวตได้ โดยไม่ส่งผลกระทบกับการถือครองและจำกัดสิทธิของคนไทย