DHOUSE เผยทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง บอร์ดไฟเขียว ลงทุนในบริษัทย่อย ดี เอนเนอร์จี แอนด์ รีเทล (DER) รับสิทธิ์เป็นตัวแทนสถานีน้ำมันและร้านค้าปลีกในปตท.จ.มหาสารคาม พร้อมเร่งพัฒนาโครงการ U PARK และโครงการมิกซ์ยูส ใกล้ม.มหาสารคาม ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 รายได้ 37.54 ล้านบาท Backlog 23.81 ล้านบาท

นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม ประเภทที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์เพื่อขายหลากหลายรูปแบบ อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/64 คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยบริษัทได้ปรับกลยุทธ์จัดกิจกรรมการตลาด ออกโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย อีกทั้งบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจและลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด คณะกรรมบริษัทอนุมัติให้บริษัท ดี เอนเนอร์จี แอนด์ รีเทล จำกัด (DER) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ลงทุนในธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และร้านค้าปลีก ภายใต้แบรนด์ ปตท. ในรูปแบบ DODO (Dealer Owned Dealer Operated) หรือการขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุนมาดูแลบริหาร หลังได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัท ปตท.น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการทันทีหลังได้รับการอนุญาตก่อสร้าง และคาดว่าพร้อมทยอยให้บริการในช่วงไตรมาส 1/65


นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน)

ขณะเดียวกัน บริษัทเร่งพัฒนาโครงการ U PARK บ้านจัดสรรคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม บนทำเลดี จำนวนรวม 249 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 607.07 ล้านบาท และโครงการมิกซ์ยูส ที่อยู่บริเวณสถานีน้ำมัน ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. มียอดจองคงเหลือรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 23.81 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเชื่อว่าหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะมียอดจองและยอดโอนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 บริษัทมีรายได้รวม 37.54 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 47.07 ล้านบาท จำนวน 9.53ล้านบาท หรือลดลง 20.24% และมีขาดทุนสุทธิ 2.39 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 11.11 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 23.9 ล้านบาท จำนวน 12.79 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 2.57 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.73 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมาระบาดหนักและทวีความรุนแรงในช่วงไตรมาส 2/64 ส่งผลให้การดำเนินงานบางส่วนของบริษัทเกิดความล่าช้า กระทบถึงแผนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านไม่เป็นไปตามคาด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อให้บริษัทสามารถทำงานตามปกติ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด