ไรเดอร์ แรงขับเคลื่อนใหม่ตลาดสองล้อ โดย Krungthai COMPASS
Key Highlights
- ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศ 7 เดือนแรกขยายตัวสูง ต่างกับตลาดรถยนต์ ยอดขายมอเตอร์ไซค์ในประเทศ 7 เดือนแรก ขยายตัว 13.7% หลังจากหดตัว 11.8% ในปีก่อน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศ 7 เดือนแรก ขยายตัวเพียง 9.7% หลังจากหดตัวสูงที่ 21.4% ในปีก่อน จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า เพราะวิถีการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่On Demand Delivery มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นมาก และไรเดอร์หันมาใช้มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะหลักในการขนส่งนี้ เป็นแรงผลักดันให้ยอดขายมอเตอร์ไซค์ในปีนี้ขยายตัวสูงหรือไม่
- ข้อมูลรายจังหวัดชี้ให้เห็นว่า ตลาดมอเตอร์ไซค์ที่โตในปีนี้กลับเป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของปริมาณไรเดอร์ เห็นได้จากจังหวัดที่ตลาดมอเตอร์ไซค์ฟื้นตัวสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เป็นจังหวัดที่มีการปลูกพืชที่ปีนี้มีราคาและผลผลิตที่ขยายตัวสูง ในขณะที่ ตลาดมอเตอร์ไซค์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งหัวเมืองที่ On Demand Delivery มีความหนาแน่นกลับเติบโตต่ำกว่า
- ในระยะข้างหน้า ตลาด On Demand Delivery ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง และครอบคลุมพื้นที่ในภูมิภาคมากขึ้น จะเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดจักรยานยนต์ควบคู่ไปกับรายได้เกษตรกร ไรเดอร์เป็นอาชีพที่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์ไซค์ ซึ่งรายได้เฉลี่ยของไรเดอร์ทั้งประเทศหลังหักต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถผ่อนชำระค่างวดของมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมกับไรเดอร์ (ไม่เกิน 150 ซีซี และเป็นเกียร์อัตโนมัติ) นอกจากนั้น แพลตฟอร์มหลายแห่งยังมีการสนับสนุนสินเชื่อพิเศษในการซื้อจักรยานยนต์ที่อาจทำให้ภาระต่อเดือนในการซื้อมอเตอร์ไซค์ลดลงได้อีกด้วย
ระยะหลังตลาดมอเตอร์ไซค์เริ่มอิ่มตัว
ย้อนกลับไปในช่วง 5 ปีก่อนเกิดโควิด-19 ตลาดมอเตอร์ไซค์มียอดขายสูงสุด 1.8 ล้านคันในปี 2560 ก่อนจะชะลอต่อเนื่องจนถึงปี 2563 (รูปที่ 1) ผู้ประกอบการหลายราย ยอมรับว่าตลาดเริ่มอิ่มตัวจากยอดจดทะเบียนสะสมที่อยู่สูงราว 21 ล้านคัน ส่งผลให้สัดส่วนการครอบครองมอเตอร์ไซค์ต่อประชากรอยู่ระดับสูง การที่ตลาดเริ่มอิ่มตัว ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายปรับทิศทางการตลาดโดยให้น้ำหนักกับตลาดมอเตอร์ไซค์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่า อย่างมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาด 250 ซีซีขึ้นไป ทำให้ตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ของไทยเติบโตขึ้นสวนทางกับตลาดมอเตอร์ไซค์หลักที่เริ่มชะลอลง
ตลาดมอเตอร์ไซค์ 7 เดือนแรกปีนี้กลับมาโตได้ดีในอัตราที่สูงกว่าที่หดตัวในปีก่อน
ทั้งประเทศ 7 เดือนแรก ขยายตัว 13.7% หลังจากหดตัว 11.8% ในปีก่อน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั้งประเทศ 7 เดือนแรก ขยายตัวเพียง 9.7% หลังจากหดตัว 21.4% ในปีก่อน การขยายตัวของยอดขายมอเตอร์ไซค์จึงไม่ได้มีสาเหตุจากปัจจัยจากฐานต่ำในปีก่อนเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดมอเตอร์ไซค์เมื่อเทียบกับตลาดรถยนต์
การเติบโตของตลาดมอเตอร์ไซค์ในปีนี้มาจากภูมิภาคเป็นส่วนใหญ่ โดยการวิเคราะห์รายภาคและรายจังหวัดดูจากยอดจดทะเบียนรถใหม่ป้ายแดง ในช่วง 7 เดือนแรกของปี ยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ใหม่ในส่วนภูมิภาคเติบโตถึง 16.9% ในขณะที่เป็นการเติบโตในเขตกรุงเทพและปริมณฑลเพียงแค่ร้อยละ 5.8% การเติบโตของยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์เขตกรุงเทพและปริมณฑลที่ต่ำกว่าในภูมิภาค ทำให้สัดส่วนยอดจดทะเบียนในกรุงเทพและปริมณฑลเมื่อเทียบกับทั้งประเทศลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน
ภาคอีสานเป็นภาคเดียวที่ยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์กลับมาเท่ากับระดับก่อนเกิดโควิด-19
แม้ตลาดมอเตอร์ไซค์ในปีนี้จะโตดี แต่ภาคอีสานเป็นเพียงภาคเดียวที่ฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 การวิเคราะห์ว่า ตลาดมอเตอร์ไซค์ในแต่ละภาคกลับมาในระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วหรือไม่ คำนวณจากสัดส่วนของยอดจดทะเบียนเฉลี่ยรายเดือนในปี 2564 กับยอดจดทะเบียนเฉลี่ยรายเดือน 5 ปีก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2558-2562) ซึ่งจากวิเคราะห์ข้อมูลรายภาค พบว่า มีเพียงภาคอีสานเท่านั้นที่ยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์เฉลี่ยรายเดือนกลับมาเท่ากับระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ด้านภาคเหนือก็มีระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ประมาณ 97% ขณะที่ ภาคอื่นๆ ยังมียอดจดทะเบียนในระดับที่ต่ำกว่าพอสมควร โดยเฉพาะกรุงเทพ และปริมณฑล ที่คาดกันว่าจะได้รับผลบวกจากการบริการขนส่งสินค้าในยุค New Normal แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
แล้วเพราะอะไร ที่ทำให้ยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ในภาคอีสานเพิ่มสูงขึ้นมาได้จนเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19
รายได้เกษตรกรในภาพรวมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก มีผลต่อตลาดมอเตอร์ไซค์ในปีนี้ ตลาดมอเตอร์ไซค์พึ่งพาตลาดต่างจังหวัดมากกว่า 70% ทำให้ตลาดขึ้นอยู่กับรายได้เกษตรกรค่อนข้างมาก และด้วยรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีก่อนก็มีผลทำให้ตลาดมอเตอร์ไซค์ขยายตัวไปด้วย
รายได้เกษตรกรคำนวณจากดัชนีราคาสินค้าเกษตรกร และดัชนีผลผลิตเกษตรในแต่ละช่วงเวลา ในปี 2564 ราคาสินค้าเกษตรหลักอย่างข้าวหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ ราคาอ้อย ยางพารา และมันสำปะหลัง ปรับตัวสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ในด้านผลผลิต พบว่า ยางพาราและมันสำปะหลังมีผลผลิตที่ขยายตัวดีขึ้น แต่อ้อยกลับมีปริมาณผลผลิตที่ลดลงทำให้เกษตรกรที่เพาะปลูกอ้อยเป็นหลักอาจไม่ได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากนัก
จังหวัดที่มีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังและยางพาราเป็นจำนวนมาก กระจุกตัวในภาคอีสานมากที่สุด เมื่อวิเคราะห์ภาพรายจังหวัด พบว่า หลายจังหวัดที่มียอดจดทะเบียนเฉลี่ยรายเดือนในปีนี้ สูงกว่ายอดจดทะเบียนเฉลี่ยรายเดือนในช่วง 5 ปีก่อนโควิด และอีกหลายจังหวัดที่เกือบจะเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เป็นจังหวัดที่มีการปลูกพืชอย่างมันสำปะหลัง ยางพารา เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปีนี้มีราคาและผลผลิตที่ขยายตัวสูง สอดคล้องกับดัชนีรายได้เกษตรกรในปีนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากมันสำปะหลังและยางพาราเป็นหลัก โดยจังหวัดเหล่านี้กระจุกตัวอยู่ในภาคอีสานมากที่สุด และเป็นสาเหตุให้ยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ในภาคอีสานเพิ่มสูงขึ้นมาได้จนเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19
การเติบโตของตลาดมอเตอร์ไซค์ในปีนี้ยังมาจากรายได้เกษตรกรเป็นหลัก และไม่ได้รับอานิสงส์จากกิจกรรม On Demand Delivery มากนัก เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ยกเว้นนครปฐม) รวมทั้ง จังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ในแต่ละภาคที่คาดว่ากิจกรรม On Demand Delivery มากกว่าจังหวัดอื่นในภาค กลับไม่ได้มียอดจดทะเบียนฟื้นตัวกลับมาเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งก็อาจมองได้ว่า การเติบโตของตลาดมอเตอร์ไซค์ในปีนี้เป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก
แล้วในอนาคต On Demand Delivery จะช่วยขับเคลื่อนตลาดมอเตอร์ไซค์ได้หรือไม่?
ด้วยวิถี New Normal ตลาด On Demand Delivery ยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง Euro Monitor คาดการณ์ว่า ตลาด Food Delivery ที่มีสัดส่วนสูงในตลาด On Demand Delivery ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2565-2567 จะมีอัตรา
การเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 10.7% ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New normal ที่ใส่ใจต่อสุขอนามัย ทำให้คาดว่าถึงแม้ภาครัฐจะทยอยผ่อนปรนมาตรการการทานอาหารในร้าน แต่ Food Delivery ก็จะยังคงเติบโตได้
ตลาด On Demand Delivery ที่เติบโต ส่งผลต่อความต้องการไรเดอร์ และตลาดมอเตอร์ไซค์จะได้รับอานิสงส์ จากข้อมูลยอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์รายจังหวัด พบว่า ตลาดมอเตอร์ไซค์ของไทยยังมีสัดส่วนอยู่ในภูมิภาคมากกว่า 70% และขับเคลื่อนจากรายได้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยค่อนข้างมาก แต่ในอนาคตตลาด On Demand Delivery ที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่อง จะขยายขอบเขตไปในภูมิภาคมากขึ้นตามลำดับ ทำให้ความต้องการไรเดอร์มีจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้น คุณสมบัติเบื้องต้นที่แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ต้องการ คือ ผู้ที่มาสมัครเป็นไรเดอร์ต้องมีรถมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อตลาดมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งรายงานเรื่อง “ไรเดอร์-ฮีโร่-โซ่ตรวนสภาพการทำงานและหลักประกันทางสังคมของของแรงงานส่งอาหารบนเศรษฐกิจแพลตฟอร์มในสถานการณ์แพร่ ระบาดของโควิด-19“ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่ารายได้เฉลี่ยของไรเดอร์ทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 18,000 บาทต่อเดือน หักต้นทุนค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ ค่าอินเตอร์เน็ต เฉลี่ยประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน จะเหลือเงินประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งรายได้หลังหักต้นทุนนี้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถผ่อนชำระค่างวดของมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมกับไรเดอร์ (ไม่เกิน 150 ซีซี และเป็นเกียร์อัตโนมัติ) ซึ่งอยู่ในช่วง 2,035-4,207 บาทต่อเดือน1 หรือคิดเป็น 13.6-28.1% ของรายได้หลังหักต้นทุนโดยเฉลี่ย
นอกจากนั้น แพลตฟอร์มหลายแห่ง เช่น Robinhood Grab ยังมีการสนับสนุนสินเชื่อพิเศษในการซื้อจักรยานยนต์ที่อาจทำให้ภาระต่อเดือนในการซื้อมอเตอร์ไซค์ลดลงได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกต่อตลาดมอเตอร์ไซค์ข้างต้น ก็อาจจะถูกท้าทายด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ล่าสุดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในไตรมาส 1 ปี 2564 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 90.5% สูงสุดในรอบ 18 ปี นอกจากนั้น ตลาดภูมิภาคที่เป็นตลาดหลักของมอเตอร์ไซค์ก็อาจถูกกดดันมากขึ้นไปอีก จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง “X Ray หนี้ครัวเรือนภูมิภาค” ที่ชี้ให้เห็นว่า ภาระหนี้ครัวเรือนในประเทศที่สูงจากส่วนภูมิภาคเป็นหลัก อีกทั้ง สัดส่วนครัวเรือนที่มีความเปราะบางสูงก็กระจุกตัวอยู่ในภูมิภาคเช่นเดียวกัน