พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผยแผนโครงการร่วมทุนใน 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าปั๊มรายได้รวม 13,000 ล้านบาท เริ่มจากปี 2565 คาดจะมีรายได้จากโครงการร่วมทุน 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2564 พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่เพิ่ม ต่อยอดความร่วมมือ สร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี 2565 ว่ารายได้โดยรวมคาดว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2564 โดยจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในระดับใกล้เคียงกับก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยกลยุทธ์สำคัญคือการเพิ่มรายได้จากโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรจากต่างประเทศทั้ง 3 ราย ได้แก่ ฮ่องกงแลนด์, ซูมิโตโม ฟอร์เรสทรี และ เซกิซุย เคมิคอล ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายในระยะ 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2565-2567 จะมีรายได้จากโครงการร่วมทุนรวม 13,000 ล้านบาท เติบโตและทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยปี 2565 ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ส่วนปี 2566 และ 2567 คาดจะมีรายได้อีกปีละ 4,000 ล้านบาท

“ปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากโครงการร่วมทุนไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีนี้ ซึ่งมีรายได้ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัว โดยจะมาจากโครงการร่วมทุนกับ “ฮ่องกงแลนด์” จำนวน 1,400 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดโครงการใหม่ “เลค เลเจ้นด์ บางนา-สุวรรณภูมิ” อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม โดยเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา ราคา 30-120 ล้านบาท และมีการขยายโครงการต่อเนื่องของ “เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ” ที่เตรียมเปิดคฤหาสน์ติดทะเลสาบเพิ่มเติมในเฟส 2 ราคาเริ่มต้น 60 ล้านบาท พร้อมกันนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมากจากโครงการร่วมทุนกับ “ซูมิโตโม ฟอร์เรสทรี” ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” จำนวน 2,500 ล้านบาท ที่กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 2/2565 ปัจจุบันมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้ว 2,000 ล้านบาท หรือ 40% ของรายได้จากการร่วมทุนทั้งหมด และยังมีโครงการ “เลค ฟอร์เรสต์” บ้านเดี่ยวระดับราคา 3.5-7 ล้านบาท คาดจะทำรายได้ให้อีก 500 ล้านบาท รวมเป็นจำนวน 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีการร่วมทุนกับ “เซกิซุย เคมิคอล” ซึ่งเป็นบ้านนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ระดับราคา 20-60 ล้านบาท ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ ทั้ง 5 ทำเล ซึ่งจะมีรายได้เข้ามาอีก 600 ล้านบาท”

สำหรับกลยุทธ์ในการเติบโตของโครงการร่วมทุนนั้น บริษัทอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรมาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ทั้งโนว์ฮาวในการพัฒนาโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวระดับบนที่มีความโดดเด่น และสร้างความแตกต่างในตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งความร่วมมือกับพันธมิตรจากต่างประเทศทั้ง 3 ราย ยังเป็นการต่อยอดศักยภาพและสร้างการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวได้อย่างชัดเจน นายวงศกรณ์กล่าว