นายชายน้อย เผื่อนโกสุม  ประธานกรรมการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นายโสภณ ราชรักษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย มร. มาเธียส เกรเกอร์ (Vice President, Performance Materials - Thailand, Myanmar, Laos & Cambodia) มร. นีล แม็คเคน (ซ้ายสุด) (Vice President, Supply Chain Management) และคณะผู้บริหารจากดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) ร่วมพิธีลงเสาเอกศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่

  • เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) ประเดิมต้นปีด้วยพิธีลงเสาเอก เดินหน้าก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit ให้แก่ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จํากัด ภายในโครงการ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (บางพลี 2) จังหวัดสมุทรปราการ
  • ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้มีพื้นที่รวมกว่า 11,000 ตร.ม. ประกอบด้วยพื้นที่จัดเก็บสินค้าแบบอุณภูมิปกติ (Ambient Storage) และแบบควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Controlled Storage) เพื่อรองรับหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์และจัดเก็บวัตถุดิบอุตสาหกรรมที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม โดยจะพัฒนาแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2565
  • ศูนย์กระจายสินค้าดีเคเอสเอช ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานอาคารสีเขียว (Green Building) โดยมุ่งให้ความสำคัญต่อการเสริมประสิทธิภาพการใช้อาคารและพลังงานตามแนวทางความยั่งยืน พร้อมต่อการรับรองด้วยมาตรฐาน LEED ซึ่งเป็oมาตรฐานระดับสากลสำหรับรับรองอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพสูงและมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการทำงาน

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FPIT” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้เครือบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” พร้อมด้วยบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จํากัด หนึ่งในผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์สมัยใหม่ของประเทศไทย ร่วมพิธีลงเสาเอก โครงการศูนย์กระจายสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit ขนาด 11,000 ตร.ม. บนที่ดินกว่า 13 ไร่ ในโครงการ เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (บางพลี 2) ถนนบางนา-ตราด กม.19 จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ใกล้กับทางหลวงสายหลักอย่างถนนบางนา – ตราด สนามบินสุวรรณภูมิ และท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้สามารถขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็วและคุ้มทุน

ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ของดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) นี้มีประกอบด้วยพื้นที่คลังสินค้าแบบอุณภูมิปกติ (Ambient Storage) และแบบควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Controlled Storage) เพื่อใช้สำหรับการจัดเก็บวัตถุดิบอุตสาหกรรมที่หลากหลายอย่างเหมาะสม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนยกระดับความสามารถด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “FPIT รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทฯชั้นนำระดับโลกอย่าง ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) อย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี โดยก่อนหน้านี้ ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) ได้ใช้บริการคลังสินค้า Built-to-Suit ที่โครงการเฟรเซอร์ส โลจิกติกส์พาร์ค วังน้อย ขนาด 16,000 ตร.ม. สำหรับการได้มีโอกาสในการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ FPIT มั่นใจว่าบริษัทฯจะสนับสนุนให้ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมต่อการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทย”

FPIT ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาโครงการ Buit-to-Suit เสมอ เราคำนึงถึงการใช้งานพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อช่วยประหยัดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญต่อด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาตามแนวทางความยั่งยืน จึงได้ออกแบบศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ของดีเคเอสเอชนี้ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน LEED ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลด้านอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการทำงาน” นายโสภณ กล่าวเสริม

FPIT มุ่งพัฒนาอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยคำนึงถึงแนวคิดด้านความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ทุกโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมของ FPIT ได้รับความร่วมมือจากทีมงานมืออาชีพทุกส่วนตั้งแต่ ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายควบคุมการผลิตและการก่อสร้าง ตลอดจนฝ่ายควบคุมคุณภาพเพื่อให้มั่นใจได้ว่าอาคารและงานระบบทุกส่วนสอดคล้องกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน อาทิเช่น การไหลเวียนอากาศ การใช้น้ำและพลังไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้วัสดุที่ไม่สร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งระบบไฟอัจฉริยะ และการใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ เป็นต้น