บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง ประกาศราคาขายหุ้น IPO 3.98 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อวันที่ 2 - 4 และ 7 ก.พ.นี้ คาดพร้อมเดินหน้าเข้าเทรดใน SET 10 ก.พ. 65
บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง หรือ PEACE ประกาศราคาขายหุ้น IPO ที่ 3.98 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อ วันที่ 2-4 และ 7 กุมภาพันธ์นี้ คาดพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 10 กุมภาพันธ์ 65 ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “PEACE” ตอกย้ำเป้าหมายเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบชั้นนำของไทย และสร้างผลการดำเนินงานเติบโตเป็น 3 เท่าภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า
นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายก้าวเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบชั้นนำของไทย ซึ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการดำเนินธุรกิจและเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในอนาคต ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายภายในปี 2567 จะมีรายได้ขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว จากฐานรายได้ขายในปี 2564 และภายในปี 2569 รายได้ขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัว จากฐานรายได้ขายปี 2564 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการนำ PEACE เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ คาดว่าจะฟื้นตัวหลังจากผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปแล้ว อย่างไรก็ตามการเติบโตของ PEACE ในอนาคต จะมุ่งสร้างรายได้และกำไรเติบโตไปพร้อมกัน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับร้อยละ 35 - 40 เช่นเดียวกับช่วงเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา
ด้วยแผนงานต่อจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนา โครงการใหม่อีก 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 3,045 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการ Cherene กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า เป็นบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการประมาณ 648 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านแนวราบ Concept “New-gen Modern Townhome” ซึ่งมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อม Jogging track และ Bike lane ในสวน ประกอบกับมีทางเข้าติดถนนร่มเกล้า และมีถนน Main runway อันเป็นเอกลักษณ์ 2. โครงการ CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์ – เจษฎาบดินทร์ เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 2 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 1,845 ล้านบาท และ 3. โครงการ Cher ราชพฤกษ์ - พระราม 5 เป็นทาวน์โฮม 2 – 3 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 552 ล้านบาท ปัจจุบันได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและวางมัดจำค่าซื้อที่ดินแล้ว
ทั้งนี้ โครงการใหม่ดังกล่าวคาดว่าจะทยอยเปิดตัวในไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป โดยมีนโยบายมุ่งเน้นการสร้างบ้านที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ในระดับราคาที่เหมาะสม พร้อมให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันในด้านต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยจริง
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บมจ.พีซแอนด์ลีฟวิ่ง ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 3.98 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 2-4 และ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ผ่าน บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 ราย ได้แก่ บล. เอเซีย พลัส, บล. ทิสโก้ และ บล. เคทีบีเอสที คาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “PEACE”
“การกำหนดราคาหุ้น IPO ของ PEACE ที่ราคา 3.98 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากศักยภาพการเติบโตและแผนการลงทุน ประกอบกับมีความมั่นคงของผลการดำเนินงาน และโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ PEACE ถือว่าได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่ปรับเปลี่ยนไปหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เนื่องจากผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบรอบเมือง แทนการมองหาคอนโดมิเนียมในเมือง เพราะต้องการพื้นที่ใช้สอยในการทำงานและการใช้ชีวิตมากขึ้นส่งผลให้ตลาดบ้านแนวราบเติบโตขึ้น และได้รับผลกระทบน้อยในช่วงการแพร่ระบาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของบริษัทฯ” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับการจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักลงทุนที่เข้าร่วมรับฟังแผนการดำเนินงาน และเป้าหมายในอนาคตของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก โดย PEACE ถือเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบขนาดกลาง ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการที่ดี และเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างรายได้ กำไรสุทธิ และเงินปันผลที่สามารถจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ตลอดทุกปี รวมถึงมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในแต่ละงวดปี นอกจากนี้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มีภาระหนี้สินต่ำมาก และมีอัตราดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืม (Cost of Fund) ค่อนข้างต่ำ อยู่ในระดับเดียวกับบริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรม จึงทำให้ PEACE มีช่องทางที่จะสร้างการเติบโตได้อีกมากในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 420 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 336 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 336 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 84 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด โดย PEACE จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ ภายหลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ