“พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” และ “แกรนด์ แอสเสท” เผยแผนธุรกิจปี 2565 เดินหน้าสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่ง คาดปีนี้ธุรกิจทั้งอสังหาฯ และโรงแรมฟื้นตัว ตั้งเป้ารายได้แตะ 28,300 ล้าน เล็งเปิด 15 โครงการใหม่ 26,210 ล้าน พร้อมรีเฟรชแบรนด์บ้านเดี่ยว เพิ่มแนวทางรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ด้านแกรนด์ แอสเสทฯ คาดรายได้ปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดดที่ 5,500 ล้านบาท จากคอนโดฯ ร่วมทุนพร้อมโอน

            นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) มองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2565 จะฟื้นตัวหรือไม่ขึ้นจะขึ้นอยู่กับระบบการจัดการที่พร้อมรองรับระบาดโควิด-19 ให้มีความชัดเจน เพื่อพร้อมรับการเปิดประเทศ และให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่กับโควิดได้มากกว่าปัจจุบัน ขณะเดียวกันต้องผลักดันด้านการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวให้ได้โดยเร็ว รวมถึงมาตรการด้านการเงิน ที่ภาครัฐ ควรใช้มาตรการการเงินประมาณ 1 ล้านล้านบาท ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบมากกว่ามาตรการการคลัง ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น คนละครึ่งเฟส 4 ซึ่งการใช้นโยบายการเงินด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปธุรกิจขนาดเล็กและกลางคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 3-4% เพื่อทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มเหมือนกับในประเทศญี่ปุ่นและยุโรปที่ทำแล้วส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

            ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้บ้านแนวราบยังเติบโตสูงตามความต้องการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากเกิดโควิด โดยเฉพาะบ้านลักชัวรี่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมยังชะลอตัว เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมา ดังนั้นทำให้ผู้ประกอบการเน้นกลุ่มลูกค้าในประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ก่อนเกิดโควิดตลาดคอนโดฯ ต่างชาติ มีสัดส่วน 40% แบ่งเป็น คนจีน 50% ฮ่องกง สิงคโปร์ 25% และประเทศอื่น ๆ 25%

 

            สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 กลุ่มบริษัทยังเดินหน้าสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้ารายได้รวมของกลุ่มที่ 28,300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) ที่ 12,000 ล้านบาท รายได้ของแกรนด์ แอสเสทฯ (GRAND) ที่ 2,800 ล้านบาท รายได้จากการขายที่ดินและสิทธิการเช่า ขายการลงทุนในโรงแรมและจัดตั้งกองทรัสต์ 8,500 ล้านบาท และรายได้จากโครงการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 5,000 ล้านบาท

            ทั้งนี้กลุ่มบริษัทจะเน้นการจัดการโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่ง มีเป้าหมายที่จะลดภาระหนี้ลงอีก หลังจากที่สามารถลดระดับหนี้สินสุทธิต่อทุนมาอย่างต่อเนื่อง จาก 2.1 ในปี 2563 เหลือ 1.7 ในปี 2564 และตั้งเป้าให้อยู่ที่ 1.2 ในปีนี้

            สำหรับรายได้ของปีนี้จะเติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา กลยุทธ์สำคัญคือการเติบโตของรายได้จากการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับพันธมิตรจากต่างประเทศทั้ง 3 ราย ได้แก่ ฮ่องกงแลนด์,  ซูมิโตโม ฟอร์เรสทรี และ เซกิซุย เคมิคอล ซึ่งคาดว่าปีนี้จะทำรายได้รวมถึง 5,000 ล้านบาท และยังมีการร่วมทุนในธุรกิจถุงมือยาง ที่จะสร้างรายได้อีก 2,152 ล้านบาท บวกกับการขายที่ดินและจัดตั้งกองทรัสต์ จะทำให้กลุ่มบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น

            นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนแผนธุรกิจปีนี้กลุ่มบริษัทวางเป้าขาย 18,000 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 10,500 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมทั้งในประเทศและประเทศญี่ปุ่น 2,500 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 5,000 ล้านบาท

            ในส่วนของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ณ สิ้นปีที่ผ่านมา มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Presale Backlog) 2,126 ล้านบาท ปีนี้จะมีการเปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,210 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 12,845 ล้านบาท บ้านแฝดและทาวน์โฮม 1,930 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 11,435 ล้านบาท

            โครงการเปิดใหม่ที่ถือเป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ “เลค เลเจ้นด์ บางนา-สุวรรณภูมิ” ซึ่งร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์ มูลค่าโครงการ 6,275 ล้านบาท ด้วยคอนเซ็ปท์บ้านบนเนินติดทะเลสาบ พร้อมการเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ จับเซ็กเมนต์ใหม่ในกลุ่มตลาดบน ในทำเลพหลโยธิน สุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ และ รัตนาธิเบศร์  ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้รีเฟรชแบรนด์บ้านเดี่ยว ผ่านการปรับเปลี่ยนโลโก้ และพัฒนาโครงการให้รับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ผ่านแนวคิด “PERFECT” ใน 7 ด้าน

 

 

 

 

          นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ แกรนด์ แอสเสทฯ จะมีการฟื้นตัวและเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะฟื้นตัวจากมาตรการเปิดประเทศ

            ส่วนรายได้ปีนี้ จะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้าไว้ 5,500 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,000 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 1,800 ล้านบาท และจากโครงการร่วมทุน 2,700 ล้านบาท รายได้หลักจะมาจาก “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” โครงการร่วมทุนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2 ของปีนี้  ซึ่งมียอดขายรอรับรู้รายได้อยู่แล้ว 2,017 ล้านบาท  

            สำหรับเป้าขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วางไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 400 ล้านบาท วิลล่าในจังหวัดระยอง 600 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนอีก 1,000 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม วางเป้ารายได้ที่ 1,800 ล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

 

            คาดโรงแรมในกลุ่มบริษัทจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับสูงกว่า 50% โดยตลาดชาวไทยท่องเที่ยวในประเทศ ยังคงมีความสำคัญอย่างมาก ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการเปิดประเทศ เนื่องจากหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยเริ่มมีมาตรการผ่อนปรนเรื่องการเดินทางมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โครงการ Test & Go ที่เปิดโอกาสให้นักเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว

            ส่วนธุรกิจผลิตถุงมือยาง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 โดยติดตั้งเครื่องจักร 1 และ 2 พร้อมเดินเครื่องและบันทึกรายได้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 2,152 ล้านบาท บริษัทยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ และกำลังทยอยติดตั้งสายการผลิตอื่นๆ ต่อไปให้ครบ ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้จากทั้ง 16 สายการผลิตภายในปีนี้