SMART รายได้ โต 9.62% เตรียมจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
SMART โชว์ผลประกอบการปี 2564 คว้ารายได้รวม 459.48 ล้านบาท กำไร 39.87 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า สร้างยอดขายเติบโต
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคารเปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดปี 2564 มีรายได้รวม 459.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 419.17 ล้านบาท จำนวน 40.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.62% และมีกำไรสุทธิ 39.87 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 45.81 ล้านบาท จำนวน 5.94 ล้านบาท หรือลดลง 12.96 % ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 103.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 95.93 ล้านบาท จำนวน 7.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.49%
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART)
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/64 มีรายได้รวม 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 108.73 ล้านบาท จำนวน 12.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.28% และมีกำไรสุทธิ 9.41 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ15.80 ล้านบาท จำนวน 6.39 ล้านบาท หรือลดลง 40.44%
ทั้งนี้รายได้และกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณความต้องการใช้อิฐมวลเบาของโครงการก่อสร้างภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า โรงพยาบาล อาคารสำนักงานราชการ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการ LTV (Loan to Value) ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ ประชาชนให้ความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ-แนวสูงเพิ่ม การกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคในการจับจ่ายมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เร่งลงทุนก่อสร้างเพื่อเปิดโครงการใหม่ ผู้ประกอบการโรงแรม-ที่พัก ร้านอาหาร เร่งปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อรองรับตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ ในส่วนของกำไรสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องมาจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 8.39 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2564 แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท คิดเป็น 110.02% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นจำนวนเงินปันผล 41.662 ล้านบาท ทั้งนี้ รอมติการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนเมษายนอีกครั้ง
“บริษัทเร่งเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ชูจุดเด่นช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุน และรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมมุ่งเน้นการทำตลาด (Online to Offline ) สร้างการรับรู้ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียช่วยกระตุ้นการสร้างยอดขาย พร้อมทั้ง เดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการเมกะโปรเจคต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง บริษัทมีการเตรียมแผนจัดการบริหารความเสี่ยงและปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์อยู่เสมอ เพื่อให้บริษัทสามารถปรับตัวรับมือต่อสถานการณ์นั้น ๆ ได้ทัน” นายรังสีกล่าว