นับถอยหลังสู่ Ethereum : The Merge และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง demand/supply (และราคา) ครั้งใหญ่ที่สุด
จากบทความที่แล้ว อ่านบทความ คลิก ที่พูดถึงผลกระทบของการ merge ระบบ Proof-of-Work และ Proof-of-Stake ของ Ethereum เข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ supply ที่ออกใหม่ของ ETH ลดลงไปประมาณ 90% และ demand ที่จะเพิ่มขึ้นจาก staking yield ที่จะสูงขึ้น
ที่มา: Consensys
ในบทความนี้เราจะมาติดตามสถานการณ์ล่าสุด
1. The Merge จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และความคืบหน้าในปัจจุบันไปถึงไหนแล้ว
กำหนดการ (อย่างไม่เป็นทางการ) คือจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน ถึง กรกฎาคม ปีนี้ (2565) ในขณะที่เขียนบทความนี้จะเหลือเวลาอีกประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งเหตุผลที่คาดการณ์เวลานี้เพราะว่า
- Difficulty Bomb: ในการ fork (การแก้ไข code) ในครั้งก่อนช่วงเดือนธันวาคม 2564 ได้มีการ “ตั้งเวลา” ให้ความยากในการขุด ETH (Difficulty) โดยใช้ Proof-of-Work algorithm พุ่งสูงขึ้น (และสูงอยู่ตลอดไป) ในช่วงเดือนมิถุนายน เพื่อให้ miner เลิกขุด Proof-of-Work ซึ่งถ้าหากจะเลื่อน The Merge ก็ต้องเลื่อน Difficulty Bomb ออกไปด้วย โดยในปัจจุบันยังไม่มี Ethereum core developer แจ้งว่าจะมีการเลื่อนออกไป
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง Difficulty Bomb (https://www.cybavo.com/blog/ethereum-2022-merge-difficulty-bomb/)
- Kiln Testnet ซึ่งคาดว่าเป็นการ test ครั้งสุดท้ายด้วย spec จริง กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ซึ่งถ้าไม่เจอ bug ที่แก้ได้ยาก ก็น่าจะเข้าสู่ stage ถัดไปคือ launch ใน mainnet
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง Kiln Testnet (https://cointelegraph.com/news/ethereum-merge-edging-closer-with-final-kiln-testnet-launch)
2. จะเกิดอะไรขึ้นหลังจาก Ethereum: The Merge
ในปัจจุบันมี ETH ที่ถูก stake ไว้ใน Beacon Chain (ซึ่งจะกลายเป็น Proof-of-Stake chain หลักของ Ethereum หลัง The Merge) ประมาณ 10 ล้าน ETH (ดูตัวเลขล่าสุดได้ที่นี่ https://beaconcha.in/) และได้ผลตอบแทน yield ประมาณ 4.9% ในรูป ETH
- Yield จะสูงขึ้นชั่วคราวเป็น 12%
หลังจาก The Merge แล้ว staking yield ส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 12% เนื่องจาก reward บางส่วนจากค่า fee ที่เคยให้กับ Proof-of-Work miner จะถูกนำมาแจกจ่ายให้แก่คนที่ stake ETH ใน Beacon Chain (Proof-of-Stake) แทน
ปรากฏการณ์นี้อาจจะทำให้มีนักลงทุนนำ ETH เข้ามา stake เพิ่มขึ้น จนกว่า yield จะลดลงสู่ระดับสมดุลที่ประมาณ 4-5% อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมี ETH ที่ถูก stake เพิ่มขึ้นอีกหลายล้าน ETH
อ้างอิงจาก Justin Drake (researcher, Ethereum Foundation)
https://twitter.com/drakefjustin/status/1424039388548321283?s=12
- ETH ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะลดลง 90% และแรงเทขายจะลดลงอย่างมาก
ในปัจจุบัน Proof-of-Work miner ได้รับ ETH ที่ออกใหม่ประมาณ 4.9 ล้าน ETH/ปี หรือประมาณ 13,000 ETH ต่อวัน นอกจากนี้ เนื่องจาก Proof-of-Work miner มีความจำเป็นจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการเดินเครื่องและมีค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องขุดและค่าดำเนินการต่างๆ จึงทำให้จะต้องขาย ETH ที่ขุดได้ออกมาบางส่วนเพื่อนำรายได้มาจ่าย ในปัจจุบันจึงเกิดแรงขายขึ้นจากส่วนนี้ และแรงขายในส่วนนี้จะหายไปหลังจาก The Merge
ในส่วนของ staker ใน Proof-of-Stake จะได้รับประมาณ 450,000 ETH ต่อปี หรือคิดเป็นประมาณ 1,300 ETH ต่อวัน และไม่มีความจำเป็นจะต้องขาย ETH เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากนัก โดย yield ในส่วนนี้อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3,000 ETH ต่อวันหลัง The Merge
โดยสรุปแล้ว Supply ใหม่จะลดลงจากประมาณ 14,300 ETH ต่อวัน เป็น 3,000 ETH ต่อวัน แต่ demand ETH จะเพิ่มขึ้นจากความต้องการในการ stake ETH ที่จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
3. เทียบกับเหตุการณ์ที่ supply ใหม่ ของ bitcoin ลดลงในอดีต หลัง Halving
Bitcoin มีการลด issuance ของ supply ใหม่ลง 50% ทุกๆประมาณ 4 ปี ซึ่งเราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า Bitcoin Halving โดยใน 3 cycle ที่ผ่านมาราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงหลายเท่าทุกครั้งหลังจากที่เกิด halving
การลดลงของ issuance rate ของ ETH หลัง The Merge ถ้าคิดเป็น supply ที่ลดลง 80-90% จะเทียบเท่ากับการ halving ของ bitcoin ประมาณ 3 ครั้ง (ครั้งแรกจาก 100 เป็น 50, ครั้งที่ 2 จาก 50 เหลือ 25 และครั้งที่ 3 จาก 25 เหลือ 12.5 หรือลดลงประมาณ 87.5% จาก 100)
สุดท้ายแล้วราคา ETH ที่จุดสมดุลหลังจาก The Merge จะไปอยู่ที่ตรงไหนนั้นยากที่จะคาดเดาได้ เรารู้แค่ว่า supply ใหม่จาก issuance จะลดลง 80-90% จากเดิม และแรงเทขายจาก Proof-of-Work miner จะหายไป ส่วน demand จาก staking มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าจาก yield ที่จะเพิ่มจากระดับ 4-5% ไปสู่ระดับประมาณ 12% (ก่อนจะปรับลดลงสู่สมดุลใหม่หลังมีนักลงทุนเข้ามา stake เพิ่มมากขึ้น)
แต่ที่แน่ ๆ ก็คือนี่จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญและน่าสนใจที่สุดของประวัติศาสตร์ Ethereum อย่างแน่นอน และเรากำลังจะได้เห็นผลกระทบของมันในเวลาอีกไม่นาน