เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง รุกบิ๊กโปรเจคบ้านแนวราบ โตต่อเนื่องโซนตะวันตก บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ปิ่นเกล้า – เพชรเกษม รับดีมานด์ครอบครัวรุ่นใหม่ ชี้ทำเลเหมาะกับการเลือกซื้อบ้านอยู่อาศัย
บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ได้รับ ISO รายแรกของไทย เดินตามแผนเปิดโครงการใหม่ ชูทำเลสุดฮอต ชี้เหมาะกับการเลือกซื้อบ้าน บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ราคาที่จับต้องได้ พร้อมไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ซึ่งบริษัทเติบโตมีกำไรในปีที่ผ่านมา 251.93 ล้านบาท
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง แผนการดำเนิงาน ซึ่งบริษัทได้มีอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ซึ่งบริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโต และมีกำไรในปีที่ผ่านมา 251.93 ล้านบาท ทั้งนี้ยังได้เดินหน้าเตรียมพร้อมการเปิดโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม เป็นทำเลที่น่าจับตามอง มีศัพยภาพเหมาะสำหรับเลือกซื้อบ้าน แวดล้อมด้วยความเจริญขยายออกมาถึงทำเลนี้แล้ว
ปัจจุบันทำเลนี้คึกคักไปด้วยศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ดังมากมาย เพื่อรองรับชุมชนในย่านนี้มากขึ้น มีการคมนาคมที่สะดวกต่อการเดินทาง โดย ถนนหลัก 2 สาย ได้แก่ ถนนบรมราชชนนี และ ถนนเพชรเกษม อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน – ศาลายา โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-พุทธมณฑลสาย 4 โครงการถนนตัดใหม่ พรานนก-สาย 4 (เปิดใช้บริการช่วงพรานนก-กาญจนาภิเษกแล้ว ทางด่วนตัดใหม่ศรีรัช-วงแหวน เชื่อมฝั่งตะวันตกสู่งฝั่งตะวันออก มุ่งหน้าเข้าเมืองย่านจตุจักร ผ่านทางเชื่อมต่อทางคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนีได้อย่างง่ายดาย ด้วยระบบคมนาคมขนส่งที่ขยายออกมาในย่านนี้ทำให้โซนนี้เป็นที่
น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ต้องการเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองได้อย่างสะดวก สังคมและคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ถือเป็นทำเลทองของชีวิตคุณภาพขั้นสูงสำหรับคนกรุงเทพในยุคนี้และในอนาคต เนื่องจากความเป็นโซนสีเขียวที่ยังมีกลิ่นอายของธรรมชาติอยู่ ในขณะที่ความเจริญก็ได้ขยายตัวมาถึงพื้นที่ในย่านนี้เช่นกัน
บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ธีโอ ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม โดดเด่นด้วย Modern Art Deco Style ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นคลาสสิคของยุคสมัยที่รุ่งเรืองของ Art Deco รังสรรค์ให้เป็นคุณค่าที่อยู่เหนือกาลเวลา เพื่อการอยู่อาศัยที่ยกระดับการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง เป็นการผสมผสาน ตั้งแต่ ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว มีทั้งหมด 387 ยูนิต มีพื้นที่โครงการถึง 58 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,771 ล้าน โดยมีทั้งหมด 5 แบบบ้าน ดังนี้
ทาวน์โฮม ( RENE ) พื้นที่ใช้สอย 120 ตร.ม ที่ดินเริ่มต้น 20 ตร.ว ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ จำนวน 138 ยูนิต ราคาเริ่ม 2.99 ล้าน ทาวน์โฮมอิสระ ( ERTE ) พื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม ที่ดินเริ่มต้น 27.3 ตร.ว ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ จำนวน 60 ยูนิต ราคาเริ่ม 3.84 ล้าน ,บ้านแฝด EILEEN พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม ที่ดินเริ่มต้น 38 ตร.ว ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ จำนวน 116 ยูนิต ราคาเริ่ม 5.5 ล้าน บ้านเดี่ยว (MERDITH ) พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม ที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.ว ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ จำนวน 32 ยูนิต ราคาเริ่ม 7.59 ล้าน บ้านเดี่ยว ( RAYMOND ) พื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม ที่ดินเริ่มต้น 56 ตร.ว ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนอนล่าง 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ จำนวน 41 ยูนิต ราคาเริ่ม 8.7 ล้าน
ภายในบ้านทุกหลังตอบโจทย์นวัตกรรมการอยู่อาศัย Smart Life ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อการอยู่อาศัยภายบ้าน ด้วยระบบ Home Automation ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน Home Security สร้างความปลอดภัย สำหรับทุกคนในครอบครัว
นายสมนึก กล่าวเสริม นอกจากการเน้นการตลาดเชิงรุก และการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์คนทุกรุ่น ทุกความต้องการ ด้วยบ้านที่มีคุณภาพ คุ้มค่า ที่เกิดจากความใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสะดวกสบาย ปลอดภัยและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการตลาดยุคดิจิทัลของบริษัทฯ ที่จะเน้นการใช้เทคโนโลยีใหม่เข้าถึงคนทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี ให้ความสะดวกแก่ลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลโครงการ ซึ่งไตรมาส1/2565 สามารถทำยอดขายได้ถึง 1,200 ล้านบาท พร้อมคาดว่าโครงการใหม่นี้จะสามารถทำยอดขายได้ถึง 200 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 นี้