FTE มั่นใจ Q2/65 ธุรกิจดับเพลิงปัง เล็งกวาดงานเพิ่ม 150 ล้านบาท
FTE เผยภาพรวมอุตสาหกรรมติดตั้งระบบดับเพลิงไตรมาส 2/65 แนวโน้มดี คว้างานแล้ว 93.6 ล้านบาท เล็งกวาดงานเพิ่ม 150 ล้านบาท หนุน Backlog 470 ล้านบาท ผลักดันรายได้โตตามเป้า 20% หรือ 1,200 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 8% ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 1/65 รายได้ 238.64 ล้านบาท กำไร 6.74 ล้านบาท
นายทักษิณ ตันติไพจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมติดตั้งระบบดับเพลิง คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป จากการที่ภาครัฐและเอกชนทยอยลงทุนมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
โดยในช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทรับงานจัดหาและติดตั้งระบบดับเพลิงได้แล้วรวมกว่า 93.6 ล้านบาท อาทิ โครงการสถานีไฟฟ้าย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย: กฟผ.(EGAT) และโครงการโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
นอกจากนี้ บริษัทเข้าร่วมประมูลและนำเสนองานจัดหาและติดตั้งระบบดับเพลิงภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะมีโอกาสรับงานประมาณ 150 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 470 ล้านบาท แบ่งเป็นงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 320 ล้านบาท และงานจัดจำหน่าย 150 ล้านบาท
“บริษัทยังคงมุ่งเน้นกระจายความเสี่ยงการรับงานหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการทั้งเรื่องคุณภาพและระยะเวลาในการติดตั้ง ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งหากบริษัทสามารถดำเนินได้ตามแผนและส่งมอบงานได้ตามกำหนด เชื่อว่าจะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้รายได้โต 20% หรือ 1,200 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 8 %” นายทักษิณ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 238.64 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 261.64 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.74 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.48 ล้านบาท
สาเหตุที่รายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผู้รับเหมาส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนด และช่วงต้นปีนี้บริษัทได้รับงานโครงการมูลค่าลดลง ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลง เนื่องจากบริษัทตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (หนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 13.40 ล้านบาท สาเหตุจากลูกหนี้ชำระเงินล่าช้า อย่างไรก็ตามบริษัทเร่งบริหารจัดการเรื่องการติดตามลูกหนี้ รวมถึงเพิ่มกระบวนการพิจารณาการให้วงเงินเครดิตลูกค้าอย่างละเอียดมากขึ้น
ขณะที่บริษัทมีกำไรขั้นต้น 58.73 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 0.15 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีอัตรากำไรขั้นต้น 24.86% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 22.43% เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ถูกลง