CPN เปิดแผน 5 ปี ทุ่มงบ 1.2 แสนล้าน เร่งเครื่องปั้นมิกซ์ยูส พัฒนาทุกธุรกิจ 180 โครงการ
"เซ็นทรัลพัฒนา" เปิดแผน 5 ปี ลงทุน 120,000 ล้านบาท เร่งเครื่องมิกซ์ยูส 4 ธุรกิจหลักเติบโต ทั่วประเทศ เตรียมพัฒนาทุกธุรกิจรวมกันกว่า 180 โครงการ ยกระดับคุณภาพชีวิตทั่วประเทศกว่า 30 จังหวัด เติมเต็มทุกการใช้ชีวิตทั้งช้อปปิ้ง, อยู่อาศัย, ทำงาน และท่องเที่ยว ด้วยบทบาทของ Place & Experience Maker นักพัฒนาที่ลงมือทำจริง ขึ้นแท่นกลุ่มธุรกิจไทยมุ่งเน้น Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งที่สุด
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 65 เราเริ่มเห็นธุรกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และการเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้น ซึงกลุ่มเซ็นทรัลก็คาดหวังว่าเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาคธุรกิจจะสามารถฟื้นตัวได้ภายในปีนี้
โดยได้เตรียมแผนในอีก 5 ปีข้างหน้า เซ็นทรัลพัฒนาจะมีการเติบโตใน 4 ธุรกิจอย่างคู่ขนานด้วยสัดส่วน Retail Property 72% และ Non-Retail 28% มีพื้นที่รีเทลรวม 2.7 ล้านตร.ม., พื้นที่อาคารสำนักงานรวม 0.5 ล้านตร.ม., โรงแรมมีทั้งหมดรวม 4,000 ห้อง และโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 68 โครงการภายใต้อย่างน้อย 6 แบรนด์ที่ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์
ซึ่งตั้งเป้าจะใช้งบลงทุนราว 120,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการกว่า 180 โครงการ เดินหน้าตามแผน “Retail-Led Mixed-Use Development” ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการพัฒนา 4 ธุรกิจหลักคือ ศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม
กลยุทธ์สำคัญ คือ ทุกโครงการของเซ็นทรัล จะมีมากกว่า 1 องค์ประกอบเป็นมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบ ด้วยกลยุทธ์ Retail-Led ที่มีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบแบบ Fully-Integrated โดยทั้ง 4 ธุรกิจสามารถเติบโตไปด้วยกันใน Ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสของเราจึงไม่ได้มองแค่การเป็น shopping center เท่านั้น แต่เรามองไปถึงการเริ่มต้นชีวิตที่บ้าน คิดไปถึงการทำงานที่ที่ทำงาน และการไปพักผ่อนที่โรงแรมด้วย
ธุรกิจ “โครงการที่อยู่อาศัย” มีแผนขยายโครงการแนวราบ-แนวสูง รวม 68 โครงการทั่วประเทศ
ร.อ. กรี เดชชัย President of Residential Business กล่าวว่า ธุรกิจ Residential เป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนามากกว่า 8 ปี และกำลังเตรียมก้าวสู่การเป็น Top Developer โดยมีกลยุทธ์ในการพัฒนาต่อยอดกับโลเคชั่นของศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา ทั้งการพัฒนาในพื้นที่เดียวกันและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงจับมือกับโครงการต่างๆ และพาร์ทเนอร์ธุรกิจร่วมกับเครือกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อมอบความสะดวกสบายครบทุกไลฟ์สไตล์ให้กับลูกบ้าน
ปัจจุบัน Central Pattana Residential มีทั้งหมด 22 โครงการรวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดโอนแล้ว 10,000 ล้านบาท และยอดรอรับรู้รายได้ 3,700 ล้านบาท มีลูกบ้านเซ็นทรัลแล้วกว่า 10,000 ราย โดยในแผน 5 ปี เตรียมเปิดอีก 46 โครงการ บนที่ดินรอการพัฒนามูลค่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 28% จากรายได้รวม
ธุรกิจ “ศูนย์การค้า” ตอกย้ำผู้นำเบอร์หนึ่ง พัฒนาโครงการใหญ่ 50 โครงการ และคอมมูนิตี้ มอลล์ 16 แห่ง บุกทำเลศักยภาพสูง CBD Bangkok
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ กล่าวว่า รีเทล เป็นหัวใจสำคัญที่เชื่อมโยงทุกองค์ประกอบ Synergy เข้าหากัน มอบ new solutions ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ชุมชน และประเทศ ด้วยกลยุทธ 1) Develop District: บุกเบิกสร้างย่าน เปิดเมือง นำพาความเจริญไปยังทุกที่ที่เราไปถึง 2) Strong Synergy and Ecosystem: การมี Ecosystem ระหว่างทุกองค์ประกอบในโครงการ มอบความสะดวกสบายและ privilege ให้กับผู้ใช้งานในทุกส่วน รวมไปถึงการผนึกกำลังในกลุ่มเซ็นทรัลทั้งการแบ่งปันความเชี่ยวชาญและการใช้ Big Data จาก The 1 ทำให้เราเข้าใจตลาดทั่วประเทศ และ 3) Community at heart: ยึดหลักการ co-create กับท้องถิ่น ทั้งในด้านการสร้าง Local Wealth และการส่งเสริม Local Essence ของท้องถิ่นนั้นๆ
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ Head of Community Mall Business กล่าวว่า ส่วนธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ จะมารปรับปรุง พร้อมปรับกลยุทธ์ด้วยแนวคิด Center of Life พร้อมยกระดับไลฟ์สไตล์ให้เข้าถึงลูกค้าและชุมชนมากขึ้น โดยธุรกิจ Small Retail นี้จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการขนาดใหญ่ที่เรามีอยู่แล้ว ทำให้ขยายไปสู่ทำเลศักยภาพสูงและย่าน CBD ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โครงการใหม่ที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/65 นี้คือ โครงการ Marche Thonglor ที่จะตอบโจทย์ neighborhood ที่ดีที่สุดในย่านทองหล่อ
สำหรับแผนขยายโครงการในต่างประเทศ เซ็นทรัลพัฒนาตั้งเป้าเป็น Regional Retail Platform ที่นำพาธุรกิจต่างๆ ต่อยอดความสำเร็จร่วมกัน ปัจจุบันได้เปิดโครงการศูนย์การค้าไทยแห่งแรกคือเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ที่มาเลเซีย นอกจากนี้ ยังคงศึกษาโอกาสใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งการลงทุนศูนย์การค้าในเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินงาน ซึ่งจะต้องการทำทำ MOU กับรัฐบาลเวียดนามให้เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะใช้เวลาราว 4 ปี จึงเริ่มเปิดบริการได้
ธุรกิจ “โรงแรม” สร้างมาตรฐานด้วยฟอร์แมตใหม่ ตอบโจทย์ทุกการท่องเที่ยว พัฒนารวม 37 โครงการ 4,000 ห้อง ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
นายภูมิ จิราธิวัฒน์ Head of Hotel Property กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เซ็นทรัลพัฒนามีความเชี่ยวชาญ ปัจจุบันเรามีเซ็นทารา อุดรธานี และฮิลตัน พัทยา โดยเราเล็งเห็นถึงการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจโรงแรมในทุกจังหวัดให้มีมาตรฐาน ยกระดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ โดยเรามีความมั่นใจในการขยายธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศ ด้วยจุดแข็งของทำเลที่ตั้งอยู่บนทำเลโดดเด่นใจกลางเมือง และเชื่อมโยงกับศูนย์การค้า โดยจะพัฒนาโรงแรมรับกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ภายใต้ 3 แบรนด์ ได้แก่ Centara แบรนด์ระดับ Upscale ที่มาพร้อมส่วนสัมมนาและการจัดเลี้ยง, แบรนด์ Lifestyle Midscale ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกแบบทั้งทำงานและพักผ่อน และอีกแบรนด์เป็น Premium budget อยู่ในทำเลที่โดดเด่น สะดวก สะอาด ปลอดภัย ทั้งนี้ เราจะพัฒนาโรงแรมที่ได้ระดับมาตรฐาน พร้อมทั้งคุณภาพและการให้บริการ ภายใต้การบริหารของเชนโรงแรมให้กับทุกจังหวัด โดยมีทั้งแผนเปิดในโครงการศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนาในจังหวัดต่างๆ และพัฒนาร่วมกับศูนย์การค้าในเซ็นทรัลกรุ๊ปด้วย
ธุรกิจ “อาคารสำนักงาน” พัฒนารวม 13 โครงการเป็น The Most Preferred Workplace ของทั้งบริษัทผู้เช่าและคนทำงาน
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Financial Officer and Senior Executive Vice President, Finance, Accounting and Risk Management กล่าวว่า ที่ผ่านมาอาคารสำนักงานของเรารักษา Occupancy Rate ได้มากกว่า 90% มาโดยตลอด ซึ่งในปีนี้โฟกัสสำคัญคือการปรับโฉม The Offices at centralwOrld และวางแผนขยายโปรเจ็คในอนาคต ได้แก่ Central Park Office ภายในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่จะพลิกโฉมสู่ Professional Hub ระดับโลก และโครงการภายใต้บริษัท GLAND ในย่านพระราม 9 CBD ศักยภาพสูง พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาอาคารสำนักงานเป็น LEED Green Building ภายใต้วิสัยทัศน์ด้าน Sustainability ของเราด้วย
ทั้งนี้เพื่อตอบรับเทรนด์แห่งอนาคต นอกจาก 4 ธุรกิจหลักภายใต้ Retail-Led Mixed-Use Development เซ็นทรัลพัฒนายังมีกลุ่มธุรกิจ Alternative Assets เพื่อมองหาโอกาสในการขยายและลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเติมเต็ม Ecosystem และเชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก อาทิ การร่วมทุน Grab ที่เป็น Delivery Platform และ Common Ground ที่เป็น Co-Working Space และเตรียมศึกษาการลงทุนใน Venture Capital ที่เตรียมเปิดเผยรายละเอียดเร็วๆ นี้