เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC เผยแนวคิด “Smart Campus” การใช้ระบบนิเวศทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกชีวิต
“โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC ได้นำแนวคิด “smart campus” มาใช้ภายในโครงการ เพื่อทำให้ทุกชีวิตได้กลับมาใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริง” นายกิตติคุณ โพธิวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่งานเทคโนโลยี บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวในงาน Huawei APAC Digital Innovation Congress 2022 ณ ประเทศสิงคโปร์
เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC (The Forestias by MQDC) คือโครงการเมืองในป่าแห่งแรกของโลกที่ออกแบบทุกองค์ประกอบเพื่อสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกสิ่งบนโลก โดยโครงการมีพื้นที่ทั้งหมด 398 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.7
ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง “หัวเว่ย” ในการนำระบบคลาวด์และแพลตฟอร์มมาประยุกต์ใช้ในระบบปฏิบัติการของโครงการทั้งการคมนาคม พลังงาน ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก และงานระบบอื่น ๆ เพื่อพัฒนาให้เป็นระบบนิเวศทางเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ สามารถบรรลุเป้าหมายในการเชื่อมโยงผู้คนหลายช่วงวัยเข้ากับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
“มันเป็นงานที่ท้าทายภายใต้บริบทของเวลาและงบประมาณ เราจึงเลือกที่จะไม่เริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์ แต่เลือกที่จะร่วมมือกับหัวเว่ยเพื่อให้เราสามารถต่อยอดและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่สิ้นสุด สำหรับสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า” นายกิตติคุณ กล่าว
“ด้วยระบบทางเทคโนโลยีที่ใช้ได้จริงและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องเพื่อขยายการให้บริการและสร้างประสบการณ์ที่ดี โดยโครงการสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายเซ็นเซอร์ในการสร้าง Big Data เพื่อวิเคราะห์ Intelligent Operation Center (IOC) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถตอบสนองเหตุการณ์หรือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที”
ทั้งนี้เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า ศูนย์สุขภาพ สำนักงาน ร้านอาหาร ศูนย์กีฬา ศูนย์สันทนาการ สถานบันเทิง และพื้นที่สีเขียวที่กว้างขวางซึ่งครอบคลุมกว่า 56% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด
อีกทั้งข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของโครงการจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างประสบการณ์ด้านต่าง ๆ เพื่อให้ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย อาทิ อายุ เพศ เชื้อชาติ สำหรับการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด รวมถึงวิเคราะห์ความหลากหลายทางชีวภาพและเชื่อมโยงคนกับสัตว์ ธรรมชาติ และพื้นป่าลึกกว่า 30 ไร่อีกด้วย
“Naturity คือแพลตฟอร์มที่จะใช้ Big Data และ AI เพื่อทำให้เราเข้าใจความหลากหลายทางธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงคน ต้นไม้ และพืชพรรณต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง” นายกิตติคุณ กล่าว
“อีกทั้งแพลตฟอร์ม edutainment จะทำให้คนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสัตว์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยในการสร้างชุมชนที่อบอุ่นสำหรับคนทุกเจเนอเรชั่นตามความมุ่งมั่นของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ต้องการสร้างเมืองแห่งความสุขที่ยั่งยืน”
ทั้งนี้ Smart Campus ของหัวเว่ยที่ประกอบไปด้วยระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Big Data AI คลาวด์คอมพิวติ้ง และ บล็อกเชน ถือเป็นแนวคิดที่ได้รับการยอมรับอย่างมากด้วยการถูกนำไปใช้กว่า 20 โครงการในประเทศจีน
นอกจากนี้ smart campus ที่เดอะ ฟอเรสเทียส์จะทำการกำจัด “silos” (ไซโล) เพื่อรวบรวมข้อมูลจากทุกองค์ประกอบของโครงการมาใช้งานแบบบูรณาการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล IOC อีกด้วย