บมจ.วิลล่า คุณาลัย KUN” กวาดยอดขาย 5 เดือนแรกแตะ 640 ล้านบาท โต 16% (YOY) คิดเป็นกว่า 38 % ของเป้าหมายทั้งปีที่ 1,700 ล้านบาท ชี้โควิด-19 เปลี่ยนแนวความคิดการเลือกซื้อบ้านและพฤติกรรมการใช้ชีวิตในวิถีชีวิตแบบใหม่แตกต่างไปจากเดิม ประกอบกับมาตรการภาครัฐหนุนการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตต่อเนื่อง เชื่อครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้น สบช่องเล็งครึ่งปีหลังเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวโซนทิศใต้ “คุณาลัย นาวาร่า” มูลค่า 3,500 ล้านบาท มั่นใจผลงานปีนี้โตตามเป้าแน่นอน

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ “KUN” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง เปิดเผยว่า จากการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด “คุณาลัย สร้างพื้นที่ สร้างความสุข” ซึ่งบริษัทฯ ได้นำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ที่มุ่งตอบโจทย์ความสุขของการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ (New Normal Lifestyle) ที่เน้นการเพิ่มพื้นที่ความเป็นส่วนตัวให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัว เพื่อตรียมความพร้อมสำหรับหลากหลายสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนไป ภายใต้ความรื่นรมย์ไปกับบรรยากาศแสนสบายที่มาพร้อมสุขภาพที่ดีขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงแนวคิดบ้านประหยัดพลังงานด้วยวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงพลังงานสะอาด อาทิ Solar Roof Top ทำให้บริษัทฯประสบความสำเร็จ

ในด้านยอดขาย (Presale) โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี2565 (มกราคม-พฤษภาคม) ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายสะสมรวมแล้วที่ระดับ 640 ล้านบาท เติบโตประมาณ 16% เมื่อเทียบกับยอดขายสะสมในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 550 ล้านบาท(YoY) และคิดเป็น 37.6% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้ง 2565 ที่ 1,700 ล้านบาท

            โดยมีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 ได้เปลี่ยนแปลงแนวความคิดในการเลือกซื้อบ้านและพฤติกรรมการใช้ชีวิตไปมาก ทำให้เกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ในการใช้สอยพื้นที่ภายในบ้านที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น ทำงานจากที่บ้าน, การค้าขายออนไลน์ ที่มีมากขึ้น ทำให้ลูกค้ามองหาที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมจากภาครัฐ ได้แก่ การขยายระยะเวลามาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือร้อยละ 0.01 รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นร้อยละ 100 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 จึงทำให้ลูกค้ามีโอกาสในการขอสินเชื่อได้มากขึ้นกว่าเดิม

อีกทั้ง จากสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาบ้านมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้ลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยรีบตัดสินใจซื้อบ้านก่อนที่ราคาบ้านจะปรับขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิด Grand Opening โครงการคุณาลัย พาร์โก้ บ้านเดี่ยว 96 ยูนิต ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 4.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ โมเดิร์น อิตาเลียน แห่งแรกในโซนบางบัวทอง ภายใต้คอนเซ็ปต์หลักของโครงการ คือครอบครัวที่อยู่ร่วมกันหลากหลายเจนเนอเรชั่นในบ้านหลังเดียว  โดย ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 15% และเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในโครงการที่จะผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้ครบทุกมิติ 

 

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารKUN ยังได้กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังว่า  แนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวดีขึ้น ด้วยสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโควิค-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการเปิดประเทศรวมถึงการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มกลับมาเกือบสู่ภาวะปกติ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้มั่นใจว่า ทิศทางในเชิงบวกจะสามารถทำผลักดันให้ยอดขายและรายได้ของ KUN เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่บริษัทฯตั้งไว้ ที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10 -15 % จากปีก่อนที่มีรายได้รวมระดับ 1,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ จะมีการเปิดตัวโครงการคุณาลัย นาวาร่า มูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งในโซนทิศใต้ บริเวณถนนพระราม 2 มีรูปแบบโครงการเป็นบ้านเดี่ยว

  “ การเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับประโยชน์ ทั้งธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจสายการบิน, ธุรกิจโรงพยาบาลที่รักษาชาวต่างชาติ, ธุรกิจร้านอาหาร ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้แรงงานที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวมีรายได้มากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นตามด้วย และจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวสูง ประเภทอาคารชุดจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว รวมถึงอสังหาริมทรัพย์แนวราบก็จะได้รับอานิสงค์จากการจ้างงานจากภาคการท่องเที่ยวที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าที่เป็นดีมานด์ที่แท้จริงจะกลับมาซื้อบ้านเพิ่มขึ้น

สำหรับภาพรวมของกำลังซื้อในปี 2565 คาดว่า จะเพิ่มขึ้น ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทั้งจากความกังวลในราคาบ้านที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นและจากการกระตุ้นในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่สิ้นสุดในธันวาคม 2565 นี้ จะเป็นการเร่งการตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อบ้านในปีนี้ ทั้งนี้ ปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา”  

 

ส่วนภาพรวมการแข่งขันในขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะเห็นได้จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งแนวราบ และแนวสูง เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีหลังจะเห็นการแข่งขันที่กลับมาดุเดือด ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่มีโอกาสการเลือกที่อยู่อาศัยมากขึ้น จากแคมเปญต่างๆ ของผู้ประกอบการที่จะดึงดูดความน่าสนใจให้เข้ามาซื้อโครงการ  

แต่อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันสิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ จะต้องเจอ คือต้นทุนที่ดิน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น โครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่จะพัฒนาใหม่ จะมีราคาขายบ้านในโครงการที่สูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น  ทั้งจากต้นทุนที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น สำหรับการแข่งขันในอสังหาริมทรัพย์แนวราบ จะอยู่ที่การกำหนดรูปแบบโครงการ ราคาขาย ที่จะตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า

ซึ่งจากปัจจัยที่กล่าวในข้างต้น ยอมรับว่า KUN มีข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นในโซนเดียวกัน เนื่องจากบริษัทฯมีที่ดินในต้นทุนเดิม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีพื้นที่อยู่ ระหว่างรอการพัฒนา โซนบางบัวทอง 90 ไร่ ซึ่งสามารถพัฒนาได้นานถึง 3-5 ปี จึงทำให้บริษัทฯได้เปรียบรายอื่นๆ ในแง่ต้นทุนการพัฒนาในแต่ละโครงการของ KUN โดยเฉพาะในโซนบางบัวทอง ที่บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบโซนบางบัวทอง พร้อมทั้งจะมุ่งมั่นที่จะใช้โมเดลธุรกิจตามแนวความคิดการสร้างเมือง ไปยังอีก 3 ทิศรอบกรุงเทพมหานครฯ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของบริษัทฯที่วางไว้