เอสซีจี เซรามิกส์ ครึ่งปี 2565 กำไรโต 4% เตรียมเร่งผลักดันสินค้านวัตกรรมและพลังงานทางเลือก
เอสซีจี เซรามิกส์ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 กำไรเติบโตร้อยละ 4 ยอดขายเติบโตร้อยละ 17 ด้านไตรมาส 2 ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เจอราคาพลังงานและวัตถุดิบหั่นกำไรลดลง ยังมั่นใจกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศและต่างประเทศโตได้ คาดตลาดช่วงครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเพราะตามฤดูกาล (Seasonal) แต่จะดีกว่าปีที่แล้ว เป็นโอกาสผลักดันสินค้า HVA และพลังงานทางเลือกแบรนด์ SUSUNN ได้อีก
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) กล่าวว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 65 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 โดยสามารถทำกำไรได้ 378 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ใกล้เคียงที่คาดการณ์ไว้ มาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับราคาขายเฉลี่ยเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2565 ในส่วนของรายได้จากการขาย บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 3,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากการขายสินค้าทั้งตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้านการส่งออกยังคงมีการขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ เมียนมาร์ กัมพูชาและลาว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 167 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุสำคัญ ได้แก่ ราคาต้นทุนพลังงานและราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างปี 2565 จะยังคงขยายตัว แม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นและตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บน ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยและมีพฤติกรรมการเลือกซื้อเปลี่ยนไป คือ มีความต้องการบ้านแนวราบนอกเมืองที่มีบริเวณมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าประเภทงานโครงการทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญของบริษัทฯ ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีต้องจับตาเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นซึ่งเป็นแรงกดดันฉุดให้ผู้บริโภคตัดสินใจชะลอแผนซื้อที่อยู่อาศัยแม้ว่าจะยังมีความต้องการซื้อประกอบกับความผันผวนของค่าเงินและค่าขนส่ง ที่เพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ ขณะที่มาตรการเปิดประเทศจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวให้ทยอยฟื้นตัวได้ จึงทำให้บริษัท ฯ เชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังนี้จะยังสามารถเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อน