สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยปลื้ม ยอดขาย-ขอสินเชื่อ NPA ทะลุ 5,400 ล้าน
สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เผยผลสำเร็จการจัดงาน “Home-Loan-NPA Grand Sale 2022” คาดยอดขายและยอดขอสินเชื่อจากงานรวมกันกว่า 5,400 ล้านบาท จากจำนวนผู้เข้าชมงานทั้ง Online-Onsite กว่า 33,000 ราย ชี้คอนโดมือสองกลับมาเป็นที่ต้องการของตลาดหลังราคาน้ำมันพุ่ง ขณะที่ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านดีมานด์ยังแรง
นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานกรรมการสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Asset: NPA) ของธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ภายใต้ชื่องาน “Home-Loan-NPA Grand Sale 2022” ที่เพิ่งจบงานไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยมียอดขาย NPA รวม 1,000 ล้านบาท และยอดขอสินเชื่อภายในงานรวม 800 ล้านบาท
"คาดว่าจะมียอดขายจากลูกค้าที่เข้าชมงานทั้ง Online และ Onsite และตัดสินใจในภายหลังรวมแล้วไม่น้อยกว่า 3,215 ล้านบาท และมียอดขอสินเชื่อรวม 2,262 ล้านบาท หรือรวมกันกว่า 5,400 ล้านบาท เนื่องจากยังมีปัจจัยที่จะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้น มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ที่จะช่วยลดภาระให้ผู้ซื้อได้ล้านละเกือบ 3 หมื่นบาท และราคา NPA ที่ถูกกว่าบ้านใหม่ 20-30% เป็นต้น”
สำหรับการจัดงานในปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานแบบ Hybrid ทั้งการจัดงาน Online ผ่านเว็บไซต์ในรูปแบบ 3D Virtual Exhibition และงาน Onsite ภาพรวมของการจัดงานถือว่าได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสองที่เป็น NPA อยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นการจัดงานในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อเริ่มคลี่คลาย โดยมีผู้เข้าชมงาน Onsite รวม 6,318 คน และผู้เข้าชมงานผ่านระบบ Online จำนวน 27,000 คน
ทั้งนี้ผู้ที่เข้าชมงานทั้งในรูปแบบ Online และ Onsite มีจำนวนรวมกันกว่า 33,000 ราย แบ่งเป็นเพศหญิง 57.4% และเพศชาย 42.6% โดยพบว่า ช่วงอายุของผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่หรือ 28.4% มีอายุระหว่าง 35-44 ปี และอีก 27.6% มีช่วงอายุระหว่าง 25 - 34 ปี ซึ่งทั้ง 2 ช่วงอายุเป็นช่วงที่ต้องการหาซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อเริ่มสร้างและขยับขยายครอบครัว โดยมีสัดส่วนรวมกันสูงถึง 56% ขณะที่ช่วงอายุ 45-54 ปี มีสัดส่วน 16.3% และอายุระหว่าง 18-24 ปี มีสัดส่วน 14.5%
สำหรับที่อยู่อาศัยที่ผู้เข้าชมงาน ให้ความสนใจ ได้แก่ คอนโดมิเนียม 33.7% บ้านเดี่ยว 28.2% ทาวน์โฮม 25.8% และบ้านแฝด 12.3% จะสังเกตได้ว่า คอนโดมิเนียมเริ่มกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้งหลังจากราคาพลังงานยังปรับตัวอยู่ในระดับสูง ขณะที่ที่อยู่อาศัยแนวราบไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมก็ยังเป็นที่ต้องการ ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการพื้นที่ใช้สอยในบ้านที่เพิ่มขึ้น ที่อยู่อาศัยแนวราบจึงมีความที่ต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ในส่วนของระดับราคาบ้านที่สนใจ พบว่า ที่อยู่อาศัยในราคา 1-2 ล้านบาท ได้รับความสนใจมากที่สุดคิดเป็น 32% อันดับ 2 เป็นที่อยู่อาศัยราคา 2-3 ล้านบาทคิดเป็น 22% และอันดับ 3 เป็นที่อยู่อาศัยราคา 3-5 ล้านบาทคิดเป็น 18% ส่วนที่อยู่อาศัยราคา 5-7 ล้านบาทมีสัดส่วน 10% และที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีสัดส่วน 9% เป็นที่สังเกตว่าที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังเป็นตลาดใหญ่ที่มีสัดส่วนสูงถึง 63%
ขณะที่ความสนใจที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท มีสัดส่วนถึง 41% สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ระบุว่า บ้านมือสองในระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทมีความต้องการซื้อมากที่สุด เพราะเป็นระดับราคาที่บ้านใหม่มีซัพพลายอยู่น้อยมากจากต้นทุนที่ดินและต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น บ้านมือสองจึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการบ้านราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท