EKH เปิดตัว KOON Palliative Care Specialised Hospital ระดับพรีเมี่ยม รักษาแบบ Palliative Care แห่งแรกในไทย
บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) ได้ฤกษ์ดีเปิดตัว “โรงพยาบาลคูน” หรือ KOON Palliative Care Specialised Hospital รองรับสังคมผู้สูงอายุ ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกเหมือนการพักผ่อนที่บ้าน บนพื้นที่ 2 ไร่ ในอาคารชุด 5 ชั้น รองรับผู้ป่วย 33 ห้องชุดในรูปแบบโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ให้การดูแลรักษาแบบ Palliative Care แห่งแรกของประเทศไทย ด้วยงบลงทุน 160 ล้านบาท พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยระยะสุดท้าย ภายใต้แนวคิด…Be near, be around, be with. “นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร” ระบุต้องการยกระดับคุณภาพรักษาของวงการแพทย์ประเทศไทย ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับระดับสากล
นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) แห่งการเปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้คนในสังคมหันมามุ่งเน้นคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว เป็นการดูแลที่ครอบคลุมทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ เน้นการจัดการอาการไม่สุขสบายต่างๆ อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเจ็บป่วยหากได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีจะส่งผลให้มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป จากเทรนด์ที่เปลี่ยนไปของสังคมรวมถึงแรงบันดาลใจของผู้ก่อตั้งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานที่ดูแลคนไข้แบบใกล้ชิดและให้ความรู้สึกถึงความเอาใจใส่และอบอุ่นเป็นพิเศษ จึงเป็นที่มาภายใต้แนวคิด…Be near, be around, be with. ที่เป็นการรักษาพยาบาลและดูแลผู้ป่วยระยะยาวแบบรายเดือน ที่ให้ความรู้สึกเสมือนการอยู่อาศัยในบ้านซึ่งแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป
จากแนวคิดดังกล่าวโรงพยาบาลเอกชัยการแพทย์จึงได้เปิดตัว โรงพยาบาลคูน หรือ KOON Palliative Care Specialised Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ให้การดูแลรักษาแบบ Palliative care แห่งแรกของประเทศไทย ด้วยงบลงทุน 160 ล้านบาท บนพื้นที่ 2 ไร่ ในรูปแบบของอาคารชุดขนาด 5 ชั้น ด้วยดีไซน์ในคอนเซปต์แบบรีสอร์ท รองรับผู้ที่เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องแบบรายเดือน จำนวน 33 ห้องชุด โดยผู้ป่วยที่ต้องการรักษาต่อเนื่องสามารถเข้าใช้บริการได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้า ดำเนินธุรกิจภายใต้ บริษัท เอกชัย เนอร์สซิ่ง โฮม จำกัด และเป็นบริษัทในเครือของโรงพยาบาลเอกชัย EKH โดยถือหุ้นในสัดส่วน 100%
“สำหรับจุดเด่นของ KOON Palliative Care Specialised Hospital เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาแบบประคับประคองซึ่งเป็นหลักการรักษาที่ได้รับการยอมรับระดับสากล โดยให้คำปรึกษา และวางแผนการรักษาผู้ป่วยร่วมกับคนในครอบครัว เพื่อให้ทุกฝ่ายมีคุณภาพชีวิต ความสุขที่เพิ่มขึ้นโดยใช้หลักการดูแลรักษาทั้งเชิงกายภาพร่างกายด้วยมาตรฐานโรงพยาบาล ร่วมกับการดูแลเรื่องสภาพจิตใจทั้งผู้ป่วยและคนในครอบครัวไปพร้อมๆกัน สถานที่แห่งนี้ ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวภายใต้แนวคิด Biophilic Design โดยให้ธรรมชาติเป็นศูนย์กลางการออกแบบ ที่พร้อมด้วยห้องพักที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมือนอยู่บ้าน แตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป โดยเรามีบุคลากรทางการแพทย์ และทีมงานผู้เชียวชาญดูแลผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยระยะสุดท้าย จุดมุ่งหวังของเราคือ ต้องการยกระดับคุณภาพรักษาของวงการแพทย์ประเทศไทย ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับระดับสากล” นายแพทย์อำนาจ กล่าว
การดูแลแบบ Palliative Care ถูกออกแบบมาเพื่อคนไข้ที่มีโรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนไข้อย่างมากและทำให้ร่างกายเสื่อมถอยลงจนลดทอนวันเวลาในชีวิตของคนไข้ ซึ่งรวมถึงโรคมะเร็ง โรคหัวใจบางประเภท โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตวายระยะสุดท้าย โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคตับแข็งระยะท้าย โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง เช่น Amyotrophic lateral sclerosis (ALS) และอื่นๆ โดยพร้อมดูแลคนไข้ระยะสุดท้ายที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้งเพื่อให้คนไข้และครอบครัวสุขสบายที่สุดเท่าที่ทำได้ รวมไปถึงการติดตามสุขภาพจิตของคนใกล้ชิดหลังการจากไปเป็นระยะเวลาหนึ่งปี
ทั้งนี้โรงพยาบาลคูนได้รับใบอนุญาตให้เปิดดำเนินการและพร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 อีกทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและมีแผนที่จะขยายโครงการโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ด้าน แพทย์หญิงนิษฐา เอื้ออารีมิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคูน เปิดเผยว่า “บุคลากรของเราประกอบไปด้วยแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยเหลือคนไข้ นักกิจกรรมบำบัด นักกายภาพบำบัด นักจิตบำบัด และสหสาขาอื่นๆ อีกมากมาย ในอัตราส่วนระหว่างบุคลากรต่อคนไข้ที่มากเป็นพิเศษเพื่อการดูแลที่ใกล้ชิดและอบอุ่น ทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ของเราทำงานร่วมกันโดยมีเป้าหมายเดียวก็คือ ทำให้คนไข้มีความพึงพอใจในชีวิตมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
นอกจากนี้ บุคลากรทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการฟังเชิงลึก (deep listening) และพร้อมจะใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการพูดคุยและรับฟังทั้งคนไข้และครอบครัว เพราะมีเพียงการฟังอย่างตั้งใจเท่านั้นที่จะช่วยให้มีความเข้าใจและแนะนำแนวทางที่เหมาะสมที่สุดแก่คนไข้และครอบครัวได้
#########