TOTO นักวิชาการ ม.เกษตร ชี้ชัดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคจากกรดไฮโปคลอรัส (HOCl) ต้านไวรัส ฆ่าโควิด
นักวิชาการ ม.เกษตร ชี้ชัดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคจากกรดไฮโปคลอรัส (HOCl) ต้านไวรัส ฆ่าโควิด เผย EWATER+ (Electrolyzed Water) เป็นการนำน้ำประปามาทำปฏิกิริยาอิเล็กโตรไลซิส ทำให้เกิดเป็นกรดไฮโปคลอรัส มีคุณสมบัติในการช่วยลดเชื้อโรคภายในโถสุขภัณฑ์และก้านฉีดชำระ ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
ในยุคสมัยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับเรื่องของความสะอาด และหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยับยั้งเชื้อโรคมากยิ่งขึ้น แอลกอฮอล์จึงถูกนำมาใช้เพื่อทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเหตุให้มีบางช่วงที่แอลกอฮอล์นั้นขาดตลาด มีราคาแพงขึ้น และหาซื้อได้ยาก ทางคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ริเริ่มโครงการผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อจากกรดไฮโปคลอรัส (Hypochlorous Acid) หรือ HOCl เพื่อแจกจ่ายแก่บุคลากร และประชาชนโดยรอบ
สำหรับกรดไฮโปคลอรัส เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา รวมไปถึงสปอร์ของเชื้อราได้ สามารถใช้ทำความสะอาดได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
“ในความเป็นจริง เซลล์เม็ดเลือดขาวในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถผลิตกรดไฮโปคลอรัสได้เอง และในร่างกายมนุษย์ก็มีการผลิตสารนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยต่อต้านไวรัสในร่างกาย รวมถึงช่วยในการปกป้อง กำจัดเชื้อโรคที่แปลกปลอมเข้ามาสู่ร่างกาย” ผศ. ดร. พิเชษฐ อนุรักษ์อุดม รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าว
กรดไฮโปคลอรัสถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายประเทศ และหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านยุโรป, สหรัฐอเมริกา, เกาหลี แม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่นเอง ซึ่งมีการใช้ในหน่วยงานทหารเรือ สำหรับทำความสะอาดอุปกรณ์ภายในเรือ, วงการแพทย์ ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดแผล และใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในโรงพยาบาล, วงการทันตกรรม ใช้สำหรับให้คนไข้กลั้วทำความสะอาดช่องปากก่อนทำฟัน, นอกจากนี้ยังมีการใช้ทางด้านปศุสัตว์และด้านการเกษตร มีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ที่อยู่ในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ รวมถึงฟาร์มผักผลไม้ที่เป็นออร์แกนิก หรือแม้กระทั่งพ่นฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมจำหน่ายเนื้อสัตว์ ก่อนที่จะบรรจุเพื่อนำส่งให้ผู้บริโภค เพียงแต่อาจจะยังไม่ได้มีการใช้อย่างแพร่หลายภายในประเทศไทยมากนัก จนในช่วงหนึ่งที่แอลกอฮอล์ขาดแคลน ผู้คนจึงให้ความสนใจกับกรดไฮโปคลอรัสมากยิ่งขึ้น จากที่แต่เดิมใช้เพียงแค่ในบางหน่วยงานเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ งานวิจัยเกี่ยวกับ HOCl จึงยังค่อนข้างน้อยอยู่เมื่อเทียบกับผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในต่างประเทศ
ความแตกต่างระหว่างกรดไฮโปคลอรัส (HOCl) กับแอลกอฮอล์ (เอทิลแอลกอฮอล์) คือ กรด HOCl มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้เร็วกว่า ปลอดภัยกว่า สามารถใช้กับอาหาร กับพื้นผิวบอบบางได้ อย่างเด็ก เป็นต้น อีกทั้งเมื่อใช้ทำความสะอาดแล้ว เวลาที่สลายตัวไป ก็จะเหลือเพียงแค่เกลืออย่างเดียว มีความปลอดภัยสูง ในขณะที่แอลกอฮอล์มีข้อเสียคือเป็นสารที่ติดไฟ และบางคนอาจเกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ นอกจากนี้ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่ต้องใช้เวลานานกว่า
“การผลิตกรดไฮโปคลอรัสนั้นมีกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนมาก” ผศ. ดร. พิเชษฐ อนุรักษ์อุดม อธิบายเพิ่มเติม
สารตั้งต้นของการผลิตกรด HOCl มีหลากหลาย อาทิ การนำเกลือแกง (โซเดียมคลอไรด์ (NaCl)) มาละลายน้ำ หรือ ใช้น้ำที่มีคลอรีน (Chlorine) นำมาผ่านกระแสไฟฟ้าเพื่อทำปฏิกิริยาอิเล็กโตรไลซิส (Electrolysis) จึงเกิดเป็นกรดไฮโปคลอรัส ซึ่งกระบวนอิเล็กโตรไลซิสนี้ เริ่มต้นจาก ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) เป็นนักเคมีและนักฟิสิกส์ ชาวอังกฤษ ผู้คิดค้นไดนาโม และได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการใช้กระแสไฟฟ้าผ่านลงไปในสารละลายเกลือ จนได้มาซึ่งกรดไฮโปคลอรัส
นอกจากอุตสาหกรรมทางด้านอาหารและในทางการแพทย์แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เล็งเห็นถึงประโยชน์และสุขอนามัยจากการใช้ HOCl อย่างเช่น สุขภัณฑ์อัตโนมัติ NEOREST และ ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ของบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำด้านสุขภัณฑ์ จากประเทศญี่ปุ่น และมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี โดยผลิตภัณฑ์ของ TOTO นั้นมีนวัตกรรมด้านสุขอนามัยที่มีชื่อว่า EWATER+ (Electrolyzed Water) ซึ่งเป็นการนำน้ำประปามาทำปฏิกิริยาอิเล็กโตรไลซิส ทำให้เกิดเป็นกรดไฮโปคลอรัส มีคุณสมบัติในการช่วยลดเชื้อโรคภายในโถสุขภัณฑ์และก้านฉีดชำระ ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน โดย EWATER+ จะถูกฉีดพ่นทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากการใช้งาน หรือเมื่อไม่มีผู้ใช้งานทุกๆ 8 ชั่วโมง ทำให้โถสุขภัณฑ์ดูสะอาดเหมือนใหม่ตลอดเวลา ช่วยลดเวลาในการทำความสะอาด นอกจากปลอดภัยกับผู้ใช้งานแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป น้ำ EWATER+ จะกลับคืนสภาพกลายเป็นน้ำปกติ ทำให้เป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเทคโนโลยี EWATER+ ภายในผลิตภัณฑ์ของ TOTO นี้ ได้รับรางวัลการันตีระดับโลก จาก GREEN GOOD DESIGN Awards 2018 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบหรือมีเทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ บริษัท โตโต้ ได้เปิดโรงงานเพื่อผลิตภัณฑ์ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงโรงงานผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ในประเทศไทย ที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิตอันเข้มงวดของประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน โดยผศ. ดร. พิเชษฐ อนุรักษ์อุดม ได้มาเยี่ยมชมโรงงานดังกล่าว เพื่อชมกระบวนการผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติ รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยี EWATER+ ของทาง TOTO และกรดไฮโปรคลอรัส โดยมี คุณ ทาคายะสุ ชิมาดะ ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด และ คุณ ฮิโรกิ ฟูจิมูระ รองกรรมการผู้จัดการ และ ผู้จัดการฝ่ายโรงงานผลิตฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET บริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้นำเยี่ยมชม
เนื่องจากว่าเราทุกคนมีความจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำในทุกๆ วัน หรือห้องน้ำสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล จะต้องมีสุขอนามัยและระบบการฆ่าเชื้อที่ดี ซึ่ง TOTO มีนวัตกรรมฝารองนั่งอัตโนมัติ ที่สามารถผลิตน้ำอิเล็กโตรไลซ์ (Electrolyzed Water) ซึ่งทำให้เกิดน้ำยาฆ่าเชื้อที่เรียกว่ากรดไฮโปคลอรัส สามารถใช้ทำความสะอาดตัวสุขภัณฑ์ที่ผ่านการใช้งานจากหลายบุคคล แล้วทำให้มีความปลอดเชื้อได้ดี มีสุขอนามัย ซึ่งผมคิดว่าเป็นนวัตกรรมที่ดีมากในยุคของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนะครับ” ผศ. ดร. พิเชษฐ อนุรักษ์อุดม กล่าวปิดท้าย