เปิดฉากมหกรรมโครงสร้างพื้นฐานใหญ่สุดในอาเซียน อวดโฉม 200 นวัตกรรมด้านการผลิตลวด เคเบิล ท่อ โลหะ จากผู้ประกอบการ 28 ชาติ
บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ผนึกกำลังภาคีอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานจัด 4 มหกรรมใหญ่ด้านการผลิตลวด เคเบิล ท่อ ท่อร้อยสาย อุตสาหกรรมหล่อโลหะ และโลหะการ จากผู้แสดงสินค้ากว่า 200 บริษัท จาก 28 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ 1.งานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมลวด เคเบิล ครั้งที่ 14 สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2.งานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมท่อและท่อร้อยสาย ครั้งที่13 สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3.งานแสดงสินค้าและฟอรั่มนานาชาติด้านการหล่อโลหะเพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 1 และ 4.งานแสดงสินค้าและฟอรั่มนานาชาติด้านโลหะวิทยาเพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 1
โดยการจัดงานดังกล่าวมีเป้าหมายตอกย้ำบทบาทของเทคโนโลยีลวด เคเบิล ท่อและท่อร้อยสาย การหล่อโลหะ และเหล็กที่มีต่อวงจรธุรกิจอุตสาหกรรมมากกว่า 30 กลุ่ม และเผยถึงแนวโน้มสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งในเชิงมูลค่าและโอกาสทางอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ซึ่งทั้ง 4 มหกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2565 ณ ไบเทค บางนา
นายเกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย กล่าวว่า ภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเอเชียและอาเซียนเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะภาคการผลิต กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และการก่อสร้างประเภทต่าง ๆ ซึ่งในไตรมาสที่ 4 และปี 2023 คาดว่าจะเริ่มเห็นการขยับตัวที่ดีเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส 1 – 3 ที่ผ่านมา การฟื้นตัวดังกล่าวยังนำมาซึ่งความต้องการในด้านงานประเภทชิ้นส่วน โลหะ อุปกรณ์เพื่อการก่อสร้าง รวมถึงเป็นอานิสงส์สำคัญที่ทำให้ผู้ดำเนินธุรกิจหลายรายพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ เช่น ด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มเทคโนโลยีอัจฉริยะ การจัดการข้อมูล และอื่น ๆ อีกหลายประเภท
เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ได้เล็งเห็นถึงความต้องการใช้ทรัพยากรเหล่านี้ในช่วงเปิดประเทศ จึงมุ่งเป็นแพลตฟอร์มในการกระตุ้นภาคการผลิตอุตสาหกรรมหนักระหว่างไทย อาเซียน เอเชีย และยุโรป ด้วยการจัด 4 มหกรรมใหญ่ในประเทศไทย ได้แก่ 1.งานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมลวด เคเบิล ครั้งที่ 14 สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Wire Southeast ASIA 2022) 2.งานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมท่อและท่อร้อยสาย ครั้งที่ 13 สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Tube Southeast ASIA 2022) 3.งานแสดงสินค้าและฟอรั่มนานาชาติด้านการหล่อโลหะเพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 1 (GIFA Southeast Asia 2022) และ 4.งานแสดงสินค้าและฟอรั่มนานาชาติด้านโลหะวิทยาเพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 1 (METEC Southeast Asia 2022)
“งานแสดงสินค้า 4 มหกรรมใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทในประเทศไทย และบริษัทต่างชาติถึงร้อยละ 90 เข้าร่วมโชว์นวัตกรรม โดยหลายบริษัทเป็นผู้แสดงสินค้าที่เคยร่วมออกบูธในงานของเมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย มาตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งในปีนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมกว่า 200 บริษัท จาก 28 ประเทศทั่วโลก และ 5 พาวิลเลี่ยนนานาชาติจากเยอรมัน อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และจากสมาคมหล่อโลหะไทย มีเป้าหมายในการเผยแพร่ข้อมูลของธุรกิจให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้าง และชี้ให้เห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยีลวด เคเบิล ท่อและท่อร้อยสาย การหล่อโลหะ และโลหะการที่มีต่อวงจรธุรกิจอุตสาหกรรมมากกว่า 30 กลุ่ม เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อาคาร การก่อสร้าง อุตสาหกรรมอวกาศ เหมืองแร่ การขนส่ง”
ทั้งนี้ นอกจากการกระตุ้นการเติบโตกลุ่มลวด เคเบิล ท่อและท่อร้อยสาย การหล่อโลหะ และเหล็กแล้ว เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชียยังคาดว่าทั้ง 4 มหกรรมจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ได้แก่
กลุ่มลวดและเคเบิล คาดว่าจะมีการเติบโตตามความต้องการลงทุนกลุ่มเคเบิลใต้ดินและใต้น้ำ การยกระดับระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (สมาร์ทกริด) การเปลี่ยนสายส่งเก่าไปเป็นสายไฟฟ้าแรงสูง/ รวมถึงเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่ผู้พัฒนาต่าง ๆ กำลังแข่งขันกันด้วยความลดเร็วเพื่อเชื่อมไลฟ์สไตล์แบบใหม่ เช่น การแพทย์-การประชุมทางไกล และในช่วงปี 2565 – 2571 คาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.4% จากปัจจุบันที่มีมูลค่า 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ตลาดสำคัญของเอเชียได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ส่วนความต้องการใช้จะอยู่ในกลุ่มการบินและอวกาศ การก่อสร้างอาคาร น้ำมัน ก๊าซและพลังงาน ไอทีและโทรคมนาคม
ท่อและท่อร้อยสาย จะมีบทบาทอย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ การส่งต่อของเหลว และกลุ่มการลงทุนใต้ดิน ซึ่งโอกาสของผู้ประกอบการไทยและทั่วโลกอยู่ที่การพัฒนากลุ่มท่อไร้รอยต่อ ท่อที่สามารถทนต่อแรงดันได้สูง ทั้งนี้ เอเชียแปซิฟิก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดการใช้กลุ่มท่อและท่อร้อยสายที่สำคัญเนื่องจากมีภาคการผลิตขนาดใหญ่ เช่น ปิโตรเลียม และปิโตรเคมี โดยครองสัดส่วนทั่วโลกกว่า 44% ในด้านปริมาณการใช้กว่า 1,700 ล้านตันนอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าภายใน 5 ปี อุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการเติบโตในด้านมูลค่าเฉลี่ย 6.2% จากเดิมที่มีมูลค่า 1.29 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ สู่ 2.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2570
การใช้เหล็ก - การหล่อโลหะ ซึ่งแม้จะยังมีความผันผวนในด้านราคาแร่เหล็ก อัตราเงินเฟ้อ แต่คาดว่าจะค่อย ๆ เติบโตได้ตามอุปสงค์ของภาคการก่อสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไป และกลุ่มที่คาดว่าจะเติบโตได้คือวัสดุก่อสร้างน้ำหนักเบาเพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงาน รวมถึงการเปลี่ยนจากกระบวนการหล่อแบบธรรมดาไปสู่เทคโนโลยีใหม่โดยใช้โลหะรีไซเคิลเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับอุตสาหกรรมนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเภทการผลิตและการใช้คาดว่ากลุ่มเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นรีดตรง จะมีการใช้มากที่สุดในภาคโครงสร้างอุตสาหกรรม การปรับปรุงงานสาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์
ทั้ง 4 มหกรรม นอกจากจะมีการโชว์ไฮไลต์เทคโนโลยีที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ กว่า 30 ประเภทแล้ว ยังมีการให้ข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยุคใหม่จากผู้นำอุตสาหกรรมด้วยหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ บทบาทที่สำคัญในด้านการยกระดับประสิทธิภาพการบำรุงรักษา เทคโนโลยีที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมการชุบโลหะด้วยความร้อนและมาตรฐานต่าง ๆ การคาดการณ์อนาคตและแนวทางใช้บิ๊กดาต้า รวมถึงกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gifa-southeastasia.com, www.metec-southeastasia.com , www.tube-southeastasia.com และ www.wire-southeastasia.com