CPANEL ทำ All Time High 5 ไตรมาสติด โชว์งบ Q3/65 กำไรพุ่ง 613.29% อวดงบ 9 เดือน แซงผลประกอบการทั้งปี 64
CPANEL ทำ All Time High 5 ไตรมาสติด โชว์งบ Q3/65 รายได้ 122.15 ล้านบาท กำไร 24.35 ล้านบาท พุ่ง 613.29% ขณะที่งบ 9 เดือน แซงผลประกอบการทั้งปี 64 แนวโน้มไตรมาส 4/65 โตต่อเนื่อง ผู้ประกอบการแนวราบ-แนวสูง เร่งก่อสร้างก่อนมาตรการ LTV หมดอายุ คาดผลประกอบการปี 65 ทำนิวไฮเติบโตมากกว่า 30%
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 122.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 63.40 ล้านบาท จำนวน 58.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92.67% และมีกำไรสุทธิ 24.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.41 ล้านบาทจำนวน 20.94 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 613.29%
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 316.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 220.67 ล้านบาท จำนวน 96.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43.52% และมีกำไรสุทธิ 48.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.19 บาท จำนวน 28.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 142.48% ซึ่งเติบโตมากกว่าผลประกอบการทั้งปี 2564 ที่มีรายได้รวม 312.44 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 31.80 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่น จากการพัฒนาระบบการผลิต ทำให้ผลิต Precast Concrete ได้ในปริมาณที่มากขึ้น และส่งมอบงานได้รวดเร็ว รวมถึงมีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยสนับสนุนจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ-แนวสูง เร่งการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ลูกค้า ก่อนที่ภาครัฐจะยกเลิกสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับกลาง-บน ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าของบริษัท
โดยมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ 9 พฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ประมาณ 1,146 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา 5 โครงการทั้งแนวราบและแนวสูง มูลค่ารวมกว่า 150 - 300 ล้านบาท อีกทั้งอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปภายในปีนี้